ปัจจุบันการทำอสังหาริมทรัพย์คือเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิด เพราะแน่นอนทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ หรืออพาร์ตเมนต์ แต่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยและที่ดินเท่านั้นที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ ถ้าอยากทำงานด้านอสังหาจะต้องเริ่มยังไง จบแล้วทำงานอะไร ต้องเรียนที่ไหน เรามาดูไปพร้อมๆกันเลย
อสังหาริมทรัพย์คืออะไร
ความหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์คือหนึ่งในประเภทของทรัพย์ ซึ่งหมายถึง
- ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน มีลักษณะเป็นการถาวร หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น
- หมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดิน หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย
- ตัวอย่างเช่น อาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ไปจนถึงที่ดิน และทรัพยากรตามธรรมชาติที่อยู่กับที่ดินนั้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน แม่น้ำ หรือเกาะ
ประเภทของอสังหาริมทรัพย์
มีการแบ่งอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 4 ประเภท คือ
-
ที่ดิน
- เช่น พื้นที่ราบ ภูเขา เกาะ พื้นที่ชายฝั่งทะเล
-
ทรัพย์ติดที่ดิน
- ทั้งแบบที่ติดกับที่ดินโดยธรรมชาติ อย่างจำพวกไม้ยืนต้นที่อยู่ในที่ดินแห่งนั้นมาอย่างยาวนาน และทรัพย์แบบที่ติดกับที่ดินโดยมีผู้นำมาติด
- ซึ่งหมายถึงสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่เราเห็นกันโดยทั่วไป ตั้งแต่บ้าน คอนโด ตึกออฟฟิศ โรงงาน รวมถึงอาคารต่าง ๆ
-
ทรัพย์ที่ประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน
- เช่น หิน ดิน ทราย
-
ทรัพย์สิทธิที่เกี่ยวกับสิ่งที่กล่าวมาในข้างต้น
- เช่น กรรมสิทธิ์ในที่ดิน สิทธิครอบครองที่ดิน สิทธิจำนองที่ดิน เป็นต้น
การจัดกลุ่มอสังหาตามลักษณะการประกอบธุรกิจหรือการใช้ประโยชน์
การจัดกลุ่มอสังหาตามลักษณะการประกอบธุรกิจหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย
- ตัวอย่างเช่น บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม หอพัก อพาร์ตเมนต์ แฟลต
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
- ตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม ตึกออฟฟิศ ตลาด
อสังหาริมทรัพย์เพี่อการเกษตร
- ตัวอย่างเช่น ไร่ นา สวน หรือการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการทำเกษตรกรรม
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักผ่อน
- ตัวอย่างเช่น โรงแรม โฮสเทล รีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม
- ตัวอย่างเช่น โรงงาน ห้องเย็น คลังสินค้า สวนอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม
เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง ทำให้การดำเนินการซื้อขายแต่ละครั้งจะต้องมีการทำหนังสือสัญญา หรือทำเอกสารให้เป็นลายลักษณ์อักษรที่ถูกต้องตามกฎหมายบัญญัติ
ซึ่งก็มักจะอยู่ในรูปแบบของใบโฉนด ทะเบียน หรือเอกสารที่แสดงสิทธิต่าง ๆ เพื่อให้มีการแสดงข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งในฝั่งของผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั่นเอง
อยากทำอสังหา ต้องเริ่มจากอะไร
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีเพียงการซื้อตึกมาและขายไปเท่านั้น แต่ยังมีการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะทำให้เรามีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันต้องเริ่มจากอะไรบ้างไปดูกันเลย
ซื้อมาขายไป เก็งกำไรกันดีกว่า
- การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมในวงกว้างและเป็นที่พบเห็นกันได้ทั่วไปในประเทศไทย
- โดยเฉพาะการซื้อขายใบจองคอนโดในกรุงเทพฯ ซึ่งหลักการก็ง่าย ๆ เพียงแค่ทำการซื้อใบจองคอนโดจากบริษัทผู้พัฒนาโครงการ
- ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามที่แต่ละโครงการกำหนด จากนั้นก็นำใบจองนี้ไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้นเพื่อทำกำไร
- วิธีนี้จึงให้ผลตอบแทนได้ภายในระยะเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็ว แถมยังใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับรูปแบบอื่น ๆ
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- ต้องการได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 เดือน
- มีเงินลงทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป
- มีความรู้เรื่องมูลค่าและช่วงระยะเวลาในการจองคอนโด ซึ่งจะสามารถทำกำไรได้แตกต่างกันในแต่ละช่วง เช่น ช่วงพรีเซล ช่วงกำลังก่อสร้าง หรือช่วงสร้างเสร็จแล้ว
ปรับตัวรับเมกะเทรนด์เมืองท่องเที่ยว โดยการปล่อยเช่ารายวัน
- ถ้าเราสามารถสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ ให้เติบโตงอกเงยไปกับเทรนด์เหล่านี้ได้ด้วย
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีบ้านหรือคอนโดที่อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว หรืออยู่ในทำเลเมืองท่องเที่ยว อย่างพัทยา ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ แล้วบ้านหรือห้องพักยังว่างอยู่ เพียงแค่ลงทุนปรับปรุง ตกแต่งภายในให้สวยงาม
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- คนที่บ้านหรือคอนโดในทำเลเมืองท่องเที่ยว และยังมีห้องว่างอยู่
- มีงบประมาณสำหรับการตกแต่งบ้าน/ ห้องพักในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ
- พร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และความเสียหายที่อาจเกิดจากการเข้าพัก
สร้าง Passive Income สุดคลาสสิก กับการปล่อยเช่ารายเดือน
- หนึ่งในวิธีการสร้าง Passive Income หรือรายได้จาก อสังหาริมทรัพย์ที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอแบบไม่ต้องลงแรง และได้รับความนิยมตลอดกาล
- การปล่อยให้เช่าเป็นรายเดือน ซึ่งเรียกได้ว่าการลงทุนรูปแบบนี้เป็นการลงทุนก้อนเดียวแล้วจบ
- เมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์มาไว้เป็นทรัพย์สินในครอบครองแล้ว จากนั้นก็นำไปปล่อยเช่าแล้วทำหนังสือสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร
- ซึ่งอย่างน้อยก็จะเป็นสัญญาที่มีระยะเวลาค่อนข้างยาว โดยอาจเริ่มต้นที่ราย 3 เดือน ไปจนถึงเป็นปี ๆ
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ หรือมีเงินลงทุนก้อนใหญ่สำหรับซื้ออสังหาริมทรัพย์มาปล่อยเช่า
- โครงการนั้น ๆ ต้องอยู่ในทำเลที่ดี และมีความต้องการในการเช่าพื้นที่
ร่วมเป็นเจ้าของและมีโอกาสรับผลตอบแทนจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำผ่านการซื้อหุ้น
- การลงทุนทางอ้อมผ่านการซื้อหุ้นของบริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคน
- ปัจจุบันมีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมจำนวน 52 บริษัท
- ซึ่งชื่อหุ้น ของบางบริษัท ก็จะใช้ชื่อเดียวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่บางบริษัทก็จะเป็นคนละชื่อ
- หากสนใจการลงทุนในรูปแบบนี้จะต้องมีการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของแต่ละบริษัท ขั้นตอนการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น
- ซึ่งรวมถึงปัจจัยทั้งภายในประเทศและสถานการณ์ในระดับโลกด้วย
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- มีเงินลงทุนไม่มาก เริ่มต้นที่หลักร้อย
- มีความรู้พื้นฐานและเข้าใจความเสี่ยงเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น
- มีความเข้าใจในธุรกิจของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้าลงทุน
- มีเวลาติดตามข่าวสารของบริษัทและสถานการณ์ในตลาดหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
ไม่พร้อมรับมือกับความผันผวนของหุ้น การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผ่านกอง REIT ก็น่าสนใจ
- คอนเซ็ปต์การลงทุนของกอง REIT นั้น จะเป็นการระดมเงินทุนจากบรรดานักลงทุน เพื่อนำไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ แล้วนำรายได้ที่เกิดขึ้น
- จากการดำเนินงานของโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น มาจ่ายเป็นผลตอบแทนกลับคืนให้แก่นักลงทุนผู้ถือหน่วย โดย REIT บางกองก็มีการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลาย ๆ แห่ง ทำให้เป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงให้แก่นักลงทุนอีกทางหนึ่งด้วย
- โดยการดำเนินการของกอง REIT จะมีผู้จัดการกองหรือ REIT Manager ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ ซึ่ง REIT Manager ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทในเครือของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ จึงมั่นใจได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในการบริหารทรัพย์สิน
- ยังมีทรัสตี (Trustee) ทำหน้าที่คอยตรวจสอบดูแลการทำงานของ REIT Manager อีกทอดหนึ่ง
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- มีเงินลงทุนไม่มาก เริ่มต้นที่หลักพัน
- อยากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทางอ้อม แต่ไม่พร้อมรับมือกับปัญหาสภาพคล่องและความผันผวนของตลาดหุ้น
- ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว
ลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบฉบับดิจิทัล กับ Digital Token
- โดยโมเดลความสำเร็จของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Digital Token ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ ASPEN Coin
- ซึ่งเป็น Token ของโรงแรม The St. Regis Aspen Resort ประเทศสหรัฐอเมริกา
- โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกและสามารถระดมทุนไปในมูลค่ากว่า 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Digital Token ในประเทศไทย
- แต่พบว่าหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มมีการเตรียมความพร้อมและปูพื้นฐาน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการลงทุนประเภทดังกล่าว
- ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานคงจะมี Digital Token ที่ใช้โครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ในการระดมทุนเกิดขึ้นในตลาดทุนเมืองไทยเช่นเดียวกับในอีกหลาย ๆ ประเทศอย่างแน่นอน
เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
- มีเงินลงทุนไม่มาก
- มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และความเสี่ยงจากการลงทุนรูปแบบดังกล่าว
เริ่มต้นลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต้องดูอะไรบ้าง?
การเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก่อนเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์แต่ละครั้งนั้น ต้องพิจารณาจากอะไรบ้างไปดูกันเลย
-
ทำเลอสังหาริมทรัพย์
- ปัจจัยอันดับหนึ่งที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์คงไม่พ้นเรื่องทำเลที่ตั้ง
- ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยอย่างบ้านและคอนโด ที่ต้องอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก และอยู่ไม่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวก
- ขณะที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม อย่างเช่นโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็ควรอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางหรือขนส่งสะดวก
- ซึ่งอาจเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ได้ว่า คอนโดที่มีรูปแบบโครงสร้างห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกัน แต่ถ้าตั้งอยู่นอกเมือง ไกลจากชุมชนหรือเส้นรถไฟฟ้า ก็จะไม่สามารถตั้งราคาขายได้สูงเท่ากับคอนโดเกรดเดียวกันที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือย่าน
-
คู่แข่งในตลาดหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ในละแวกใกล้เคียง
- แม้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เล็งไว้จะอยู่ในสุดยอดทำเลทอง แต่อาจมีเรื่องให้ต้องพิจารณามากขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น เพราะพื้นที่บางโซนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ชั้นในนั้นอาจจะอยู่ในย่านศูนย์กลางความเจริญและระบบขนส่งมวลชนก็จริง
- บางพื้นที่ก็มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ผุดขึ้นมาเป็นคู่แข่งจำนวนมาก จนอาจมีอุปทานที่มากกว่าอุปสงค์หรือความต้องการที่แท้จริงของตลาด นำไปสู่การต่อสู้ด้วยสงครามราคา
- ทำให้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในย่านที่มีลักษณะแบบนี้อาจจะไม่สามารถปล่อยให้เช่าหรือขายได้ในราคาที่ดีอย่างที่คาดหวัง
-
คุณภาพของโครงการอสังหาริมทรัพย์
- นอกจากปัจจัยเรื่องทำเลที่ตั้ง คุณภาพของโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ (Facilities) ของอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ
- โดยอสังหาริมทรัพย์ที่ดีจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับรูปแบบการใช้งานและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เป็นต้น
- จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายเจ้าโดยเฉพาะคอนโด เริ่มใช้พื้นที่ส่วนกลางมาเป็นจุดเด่นในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ห้องสมุด พื้นที่ออกกำลัง ไปจนถึงพื้นที่สวน เพื่อดึงดูดความสนใจจากบรรดาลูกค้า รวมถึงนักลงทุนนั่นเอง
การลงทุนอสังหาริมทรัพย์มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายและมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องที่ต้องพิจารณา อย่างไรก็ตาม การมีความรู้ความเข้าใจในทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนนั้น นับเป็นสิ่งสำคัญของการลงทุนทุกประเภท
ลงทุนแบบไหนให้ได้กำไรอย่างมืออาชีพ
นักลงทุนที่คิดจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุน แต่ยังไม่รู้จะใช้วิธีใดในการแสวงหากำไร การลงทุนแบบไหนให้ได้กำไรอย่างมืออาชีพ มีดังต่อไปนี้
เก็งกำไรจากใบจอง
- วิธีลงทุนอสังหาฯ รูปแบบนี้ หากศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนสามารถรวยเร็วอย่างง่ายๆ แบบไม่รู้ตัว
- โดยส่วนใหญ่จะนิยมเก็งกำไรจากใบจอง เช่น การขายใบจองคอนโดในระยะเวลาอันสั้นหรือไม่เกิน 1 เดือน
- ดังนั้นนักลงทุนที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุนระยะสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาระการผ่อนดาวน์และโอนที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนต่อไป
- การเก็งกำไรจากใบจอง จะใช้เงินทุนประมาณ 50,000 – 100,000 บาท ส่วนกำไรมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดีมานความต้องการและความน่าสนใจของโครงการนั้น
- ซึ่งปกติแล้วจะได้กำไรประมาณ 20-40%
เพิ่มมูลค่าบ้านให้เป็นโฮสเทล
- เป็นอีกวิธีรวยด้วยอสังหาฯ ที่นิยมอยู่ ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะโซนแหล่งท่องเที่ยว ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างบีทีเอสและแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
- มักจะเป็นแหล่งที่ตั้งของโฮสเทลมีสไตล์อยู่หลายแห่ง สาเหตุจากความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง และต้องการพักอาศัยอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว
- เหตุนี้จึงทำให้นักลงทุนหลายรายเบนเข็มมาเพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน ตึกแถว ทาวน์โฮม เพื่อรีโนเวทให้กลายเป็นโฮสเทล พร้อมเป็นเสือนอนกิน รับรายได้ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ลงทุนซื้อบ้าน-คอนโดเก่า ซ่อมแล้วขายหรือปล่อยเช่า
- การซื้อคอนโดปล่อยเช่า เรียกว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้นักลงทุนรวยด้วยอสังหาฯ อย่างง่ายๆ
- เพียงแค่เลือกหาบ้านหรือคอนโดเก่าที่ตั้งอยู่ในทำเลดี เดินทางสะดวก เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อและผู้เช่า
- โดยจำเป็นต้องมีต้นทุนไม่สูง เพื่อให้สามารถปรับปรุง ซ่อมแซม แล้วขายต่อหรือปล่อยเช่าได้ราคา
นายหน้าอสังหาฯ
- เรียกได้ว่ารวยด้วยอสังหาฯ ได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องลงทุนอะไรมากสำหรับการเป็นนายหน้าอสังหาฯ
- เพียงแค่ต้องสร้างสังคม มีคนรู้จักในวงการอสังหาฯ พอสมควร และยังต้องรู้จักการใช้วาทะศิลป์พูดโน้มน้าวไปพร้อมกับการทำการตลาดยุคใหม่ไปพร้อมกันๆ
- โดยปกติแล้วการเป็นนายหน้าอสังหาฯ มีหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางเชื่อมโยงความต้องการระหว่างเจ้าของอสังหาฯ และผู้ซื้อ
- ซึ่งหากการตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เป็นไปด้วยดี นายหน้าอสังหาฯ จะได้ค่าส่วนต่างประมาณ 3% หรือคิดง่ายๆ ล้านละ 30,000 บาท
- โดยจะได้รับค่าส่วนต่างในวันที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้ทำธุรกรรมต่างๆ ณ กรมที่ดิน
ขายแผนให้กับนักลงทุน
- เป็นวิธีลงทุนที่ได้กำไรง่ายๆ และสามารถรวยด้วยอสังหาฯ ได้ โดยไม่ต้องลงทุนเงินแต่อย่างใด
- เพียงแค่ทำการศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนอสังหาฯ หรือมีความรู้ในทำเลที่คุ้นชิน แล้วใช้ความคิดสร้างสรรค์คำนวณต้นทุน กำไร พร้อมกำหนดขายแผนธุรกิจ นำเสนอไอเดียดีๆ ให้กับนักลงทุน
- เรียกว่าต่อให้ไม่เป็นมืออาชีพ แต่มีไอเดียทางการตลาดก็สามารถขายแผนได้ค่าตอบแทนเป็นกอบเป็นกำเหมือนกัน
- โดยหากแผนเข้าตานักลงทุน ก็สามารถขายได้ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เป็นทางลัดให้ได้กำไรจากการลงทุนอสังหาฯ ให้เร็วขึ้น แต่ในฐานะของนักลงทุนหรือนายหน้าอสังหาฯ หากต้องการรวยด้วยอสังหาฯ จำเป็นต้องศึกษาข้อดีข้อเสียแต่ละรูปแบบให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
ข้อดี – ข้อเสียของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
ข้อดีของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
มีอะไรบ้างต่อไปนี้
ผลตอบแทนสูง สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
- ถ้าหากลงทุนและสามารถขายได้จะสามารถสร้างกำไรแก่นักลงทุนได้อย่างงาม
- ยิ่งถ้าหากอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ตั้งอยู่บนทำเลทอง การเดินทางสะดวก เต็มไปด้วยระบบสาธารณูโภคครบครัน ยิ่งทำให้ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการ
ความผันผวนค่อนข้างต่ำ
- การลงทุนรูปแบบนี้ก็มีข้อได้เปรียบ นั่นคือนักลงทุนไม่ต้องกังวลกับค่าความผันผวนเท่าไรนัก
- เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มีการผันผวนต่ำ ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์เหมือนค่าเงินและราคาทองคำ
กระจายรายได้ กระจายการลงทุน
- การลงทุนถือเป็นการออมเงินวิธีหนึ่งเนื่องจากเป็นวิธีที่ทำให้เงินงอกเงยมีดอกผล
- หลายคนที่มีเงินลงทุนสูงจึงให้ความสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ควบคู่ไปกับการลงทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น ลงทุนหุ้น ลงทุนทองคำ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยกระจายคามเสี่ยง
ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลพลอยได้ที่ได้จากการลงทุน
- โดยหากมีการกู้ซื้อบ้านสามารถนำดอกเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินตนเองลงทุนทั้งหมด
- เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือที่ดินต่างเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงแต่ข้อได้เปรียบของการลงทุนรูปแบบนี้คือไม่จำเป็นต้องใช้เงินของตนเองทั้งหมด
- เนื่องจากสามารถกู้เงินจากธนาคารมาลงทุนได้ ซึ่งโอกาสที่สถาบันการเงินจะให้กู้ก็เยอะ ตั้งแต่ 80 – 100 % ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถาบันการเงินและเครดิตของผู้กู้
ข้อเสียของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
มีอะไรบ้างต่อไปนี้
เป็นการลงทุนที่สภาพคล่องค่อนข้างต่ำ
- ต้องบอกเลยว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะไม่เหมาะกับการถือครองระยะสั้น
- เนื่องจากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยที่ผู้ซื้อต้องตัดสินใจให้ดีก่อนเลือกซื้อ
ใช้เงินลงทุนสูง
- แม้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์จะนำมาซึ่งผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แต่ถึงอย่างนั้นต้องยอมรับว่าเป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนสูงมาก
- ยิ่งราคาอสังหาริมทรัพย์มีปัจจัยเรื่องทำเลเข้ามาเกี่ยวข้องยิ่งแล้วไปกันใหญ่ โดยหากเลือกลงทุนทำเลศักยภาพต้องยอมจ่ายเงินก้อนเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง
ค่อนข้างใช้เวลาในการตัดสินใจลงทุน
- เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าสูง ก่อนตัดสินใจเลือกลงทุนแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
- ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลที่เหมาะสม การคาดการณ์อนาคตว่าพื้นที่นั้นๆจะมีความเจริญตามมา มีระบบสาธารณูโภค รวมถึงการศึกษาข้อกฎหมายเบื้องต้นที่อาจส่งผลกระทบ
ลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนระยะยาว
- การซื้ออสังหาริมทรัพย์และขายทอดตลาดภายในระยะเวลาอันสั้นเป็นสิ่งที่พบได้ไม่บ่อยนักสำหรับนักลงทุน ยกเว้นการได้ครอบครองทำเลที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดจริง ๆ เท่านั้น
- เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่เน้นการลงทุนระยะยาว บางครั้งอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเกิดผลกำไรและนำมาซึ่งผลตอบแทนอันน่าพึงพอใจ ดังนั้นนักลงทุนท่านใดที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นอาจไม่เหมาะกับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
แบกรับค่าซ่อมแซมมูลค่าสูง
- การแบกรับค่าซ่อมแซมหรือค่าดูแลรักษาจึงมีมูลค่าสูงตามมูลค่า อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ที่ขายหรือปล่อยเช่าให้ได้ราคาดีควรได้รับการดูแลให้ใหม่อยู่เสมอ
- หากไม่ได้รับการดูแลจะทำให้ทรุดโทรมส่งผลให้มูลค่าลดลง ไม่เป็นที่น่าสนใจ เพราะฉะนั้นใครที่ต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ควรคำนวณค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ดีเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้มากเกินไป
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อดี ข้อเสีย ของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้นักลงทุนต้องยอมรับให้ได้ว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์อาจไม่ได้มอบผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการลงทุน
จบอสังหาทำงานอะไร
เมื่อเลือกเรียนในด้านอสังหาริมทรัพย์แต่ไม่รู้ว่าจบมาแล้วจะต้องทำงานอะไรมาดูไปพร้อมๆกันเลย
บัณฑิตสาขาวิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สามารถทำงานได้ทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านอสังหาริมทรัพย์
อาชีพด้านอสังหาริมทรัพย์
- นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- นักบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์
- นักประเมินราคา
- บริหารทรัพย์สินสถาบันการเงิน
- ผู้จัดการดูแลทรัพย์สิน
- ผู้จัดการการลงทุน
- นักวิเคราะห์ และนักวิจัย
ในหน่วยงานที่ทำงาน
- ธนาคาร
- สถาบันการเงิน
- บริษัทพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์
- บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน
- บริษัทประเมินราคา
- กรมที่ดิน
- กรมธนารักษ์
- การรถไฟ
- บริษัทนายหน้าและตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
- ผู้ประกอบกิจการขนาดเล็ก
เรียนอสังหาที่ไหนดี
หลักสูตรหรือสาขาทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ระดับปริญญาในสถาบันต่างๆ ของไทย จะมีอะไรบ้างและสถานบันไหนบ้างไปดูกันเลย
-
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง สาขานวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- เน้นองค์ความรู้ในการสร้างและพัฒนาสถาปนิกรุ่นใหม่ ที่เชี่ยวชาญทางด้านสถาปัตยกรรมและการจัดการธุรกิจ
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- หลักสูตรด้านการบริหาร การตลาด การลงทุน การพัฒนา และการประเมินมูลค่า ทีเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- เน้นสร้างนักปฏิบัติการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เชี่ยวชาญเชิงบริหารธุรกิจ
-
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการประเมินราคาทรัพย์สิน
- หลักสูตร 4 ปี เน้นทางด้านการประเมินราคาทรัพย์สิน
-
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
คณะบริหารธุรกิจ หลักสูตรการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และทรัพยากร
- เน้นความรู้ในการสร้างนักพัฒนาสังหาริมทรัพย์ ที่เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างสถานบันที่เปิดสอนทางด้านอสังหาริมทรัพย์นี้
คณะอสังหา ธรรมศาสตร์ จบมาจะได้เงินเดือนเท่าไหร่
การเลือกเรียนคณะอสังหา หลักสูตรการศึกษาที่เน้นการประยุกต์วิชาการพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับวิชาการด้านวิทยาการจัดการ และบริหารธุรกิจ เพื่อให้กระบวนการสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรม เพื่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับสังคมยุคใหม่
จบมาจะได้เงินเดือนเท่าไหร่
แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีอัตราการเติบโตไม่มากแต่ก็ยังมีตัวเลขการเติบโตให้ได้เห็น เลยทำให้อัตราเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานในอุตสาหกรรมนี้ยังสูงโดยมีเงินเดือนตามระดับต่ำแหน่งดังต่อไปนี้
เงินเดือนเฉลี่ยตามระดับตำแหน่ง
- ระดับเจ้าหน้าที่ มีเงินเดือนเฉลี่ย 25,500 บาทต่อเดือน
- ระดับหัวหน้างาน มีเงินเดือนเฉลี่ย 50,000 บาทต่อเดือน
- ระดับผู้จัดการ / อาวุโส มีเงินเดือนเฉลี่ย 72,500 บาทต่อเดือน
- ระดับผู้บริหารระดับสูง มีเงินเดือนเฉลี่ย 117,500 บาทต่อเดือน
สรุป
- ทุกสายอาชีพต่างมีความจำเป็นที่แตกต่างกันออกไป
- โดยหากจะประสบความสำเร็จในสายอาชีพอสังหาริมทรัพย์แล้วนั้นต้องหมั่นพัฒนาฝีมือ
- เพิ่มขีดความสามารถของตนเองอยู่เสมอเพื่อเป็นแรงผลักดันไปสู่ความสำเร็จ
- ซึ่งหากสามารถค้นพบเส้นทางอาชีพที่ใช่สำหรับตนเองได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้สามารถมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อให้ประสบความสำเร็จในจุดหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี
การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้