ทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) คืออะไร

Contents

ทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) คืออะไร

ทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) คือ ความสามารถของประเทศในการผลิตและส่งออกสินค้าหรือบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากกว่าประเทศอื่นๆ ความได้เปรียบทางการแข่งขันนี้มักขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานฝีมือ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี นโยบายของรัฐบาลที่เอื้ออำนวย และโครงสร้างพื้นฐาน

National Competitive Advantage

ความเป็นมา National Competitive Advantage

ทฤษฎีที่พัฒนาโดยนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวไทยชื่อ ศุภวัฒน์ ชูเวชชีวะ(Supachai Panitchpakdi) และนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอื่นๆ เช่น ไมเคิล พอร์เตอร์ (Michael Porter) อาจารย์จาก Harvard Business School เพื่ออธิบายว่าทำไมบางประเทศมีความสามารถในการแข่งขันในการผลิตสินค้าและบริการในตลาดสากลได้ดีกว่าบางประเทศอื่น ๆ

Porter  ระบุว่าความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอุตสาหกรรมหนึ่งๆ ขึ้นอยู่กับความสามารถของอุตสาหกรรมในการคิดค้นและยกระดับ ทฤษฎีของเขามุ่งเน้นไปที่การอธิบายว่าเหตุใดบางประเทศจึงมีการแข่งขันสูงในอุตสาหกรรมบางประเภท เพื่ออธิบายทฤษฎีของเขา Porter ได้ระบุปัจจัย 4 ประการที่เขาเชื่อมโยงเข้า ได้แก่

  • (1) ทรัพยากรและความสามารถของตลาดในท้องถิ่น
  • (2) สภาวะความต้องการของตลาดในท้องถิ่น
  • (3) ซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นและอุตสาหกรรมเสริม
  • (4) คุณลักษณะเฉพาะของบริษัทในท้องถิ่น

ศุภวัฒน์ ชูเวชชีวะ (Supachai Panitchpakdi)

ศุภวัฒน์ ชูเวชชีวะ (Supachai Panitchpakdi) เป็นนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ชาวไทย ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (Director-General of the World Trade Organization: WTO) ระหว่างปี พ.ศ. 2539 – 2548 (1996-2002) โดยเป็นผู้คนแรกของเอเชียที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้

ยังเคยดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าและการลงทุนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Conference on Trade and Development: UNCTAD) ระหว่างปี พ.ศ. 2548-2551 (2002-2005) และเป็นนายกรัฐมนตรีชั้นสูงในรัฐบาลไทยในอดีตด้วย

นอกจากการเป็นนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญ ศุภวัฒน์ ชูเวชชีวะยังเป็นนักเขียนหนังสือ เขาได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “วิถีสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆในโลก” (Globalization and Trade Rules: The Quest for Equity in the International Economic System) และเป็นที่ปรึกษาด้านการเมืองและเศรษฐกิจสากลสำหรับหลายองค์กรและโรงเรียนทั่วโลก

ไมเคิล พอร์เตอร์ (Michael Porter)

ทฤษฎีความได้เปรียบ Michael E Porter

ไมเคิล พอร์เตอร์ (Michael E. Porter) เป็นนักวิชาการธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันที่เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ธุรกิจ โดยเขาเป็นผู้จัดทำทฤษฎี “ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” (Competitive Advantage of Nations) และ “ความสามารถในการแข่งขันขององค์กร” (Competitive Advantage of Organizations)

ทฤษฎีที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจโดยกว้างขวาง ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มความคิด (Institute for Strategy and Competitiveness) และเป็นอาจารย์วิชาการที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดธุรกิจสำหรับการเรียนการสอนและการศึกษาในวิชากลยุทธ์ธุรกิจ

ความสามารถในการแข่งขันของประเทศขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

ปัจจัยเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่สำคัญในการแข่งขันของประเทศ เช่น ระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ, ระดับการลงทุนในวิจัยและพัฒนา, ระดับการศึกษาและผลิตแรงงาน และสภาพความเป็นอยู่ของประชากร เป็นต้น

ปัจจัยเศรษฐกิจ: การเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก หากเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า จะสามารถลงทุนในวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้

ปัจจัยการศึกษา

การศึกษาสูงสุดของประชากรมีผลต่อการพัฒนาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานและชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้

ปัจจัยเทคโนโลยี

การนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานและชีวิตประจำวัน มีผลต่อการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยให้สามารถผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัจจัยการค้าระหว่างประเทศ

การค้าระหว่างประเทศมีผลต่อการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก หากสามารถส่งออกสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมีความประสิทธิภาพสูง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น

ปัจจัยสำคัญของทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ National Competitive Advantage

ทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) เป็นทฤษฎีที่ถูกพัฒนาโดยนักวิชาการชื่อดังชาวอเมริกัน ไมเคิล พอร์เตอร์ (Michael Porter) เพื่ออธิบายว่าประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้นนั้น จะต้องมีปัจจัยหลายอย่างที่สามารถสร้างความเหนือกว่าประเทศอื่นๆ โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดนั้น คือ:

ทฤษฎีความได้เปรียบ International Trade Theory

1.ปัจจัยสิ่งแวดล้อม (Factor Conditions)

ประกอบด้วยแรงงาน ทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่ พื้นฐานพลังงาน และระบบพื้นฐานสำหรับการผลิตสินค้าหรือบริการ

2.ปัจจัยสมรรถนะของธุรกิจ (Firm's Strategy, Structure and Rivalry)

การกำหนดยุทธศาสตร์ของธุรกิจ โครงสร้างองค์กร การแข่งขันภายในประเทศ และระบบการจัดการบริหารธุรกิจ

3.ปัจจัยการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Related and Supporting Industries)

การสร้างสรรค์และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเครื่องมือและเครื่องจักร การสร้างสรรค์และนวัตกรรมในสินค้าและบริการรองรับ การสนับสนุนขององค์กรสื่อสารและการพัฒนาเทคโนโลยี

4.ปัจจัยด้านศักยภาพในการแข่งขัน

ระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ การตลาดที่มีประสิทธิภาพ และความรู้ความเข้าใจในตลาดและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง

5.ปัจจัยด้านการผลิต

ระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ

การที่ประเทศมีปัจจัยสำคัญเหล่านี้ดีและแข็งแรง จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจในประเทศสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้ดีกว่าธุรกิจในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีความเจริญขึ้นด้านเศรษฐกิจและมีช่องทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ข้อดีทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage)

  1. ช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในทิศทางที่ยั่งยืน
  2. ช่วยสร้างงานและเพิ่มโอกาสในการทำงานสำหรับประชากร
  3. ช่วยส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาคของประเทศ
  4. ช่วยเพิ่มความเข้มแข็งในการแข่งขันของธุรกิจในประเทศ
  5. ช่วยสร้างสัมพันธภาพของอุตสาหกรรมภายในประเทศ
  6. ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของประเทศมีความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ
  7. ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของประเทศมีความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
  8. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรของประเทศ
  9. ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันของอุตสาหกรรมและรัฐบาล
  10. ช่วยสร้างความมั่งคั่งและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศ

ข้อเสีย ทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage)

  1. การเสี่ยงโดยไม่จำเป็น: การพัฒนาและสร้างปัจจัยสำคัญของธุรกิจอาจเสี่ยงต่อการล้มเหลวในการแข่งขัน
  2. ความสมดุลของการแข่งขัน: สิ่งที่มองว่าเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการแข่งขันอาจเป็นเพียงปัจจัยในช่วงเวลาที่สั้น ๆ และอาจไม่สามารถรักษาความได้เปรียบได้ในระยะยาว
  3. การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน: การสร้างปัจจัยสำคัญเพื่อการแข่งขันอาจทำให้ธุรกิจสร้างผลิตภัณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เนื่องจากเน้นการลดต้นทุนเพื่อสร้างมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง
  4. การสื่อสารที่ไม่เหมาะสม: การสร้างปัจจัยสำคัญอาจส่งผลให้ธุรกิจไม่สามารถสื่อสารกับตลาดและลูกค้าได้อย่างเหมาะสม
  5. ความเชื่อถือไม่ได้ของผู้บริโภค: การพัฒนาปัจจัยสำคัญอาจส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างขึ้น
  6. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี: การพัฒนาปัจจัยสำคัญอาจไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้ เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสินค้าหรือบริการที่เป็นผลิตภัณฑ์ของประเทศไม่สามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ได้ อาจทำให้สินค้าหรือบริการของประเทศด้อยคุณภาพหรือไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
  7. การแข่งขันจากประเทศอื่น: การพัฒนาปัจจัยสำคัญอาจไม่เพียงพอในการเข้าร่วมแข่งขันกับประเทศอื่นที่มีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพตลาด ซึ่งอาจทำให้สินค้าหรือบริการของประเทศไม่สามารถเข้าสู่ตลาดระหว่างประเทศได้
  8. ความผูกขาดของแรงงาน: การพัฒนาปัจจัยสำคัญบางอย่างอาจต้องการแรงงานที่มีความชำนาญในด้านเฉพาะ แต่ถ้าประเทศไม่มีแรงงานที่มีความชำนาญนั้น จะทำให้การพัฒนาปัจจัยสำคัญไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
  9. การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล: การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลอาจมีผลต่อการพัฒนาปัจจัยสำคัญของประเทศ และถ้านโยบายต่างๆ ไม่สนับสนุนการพัฒนาปัจจัยสำคัญ อาจทำให้การพัฒนาปัจจัยสำคัญล้มเหลวได้

การนำทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ National Competitive ไปใช้

สามารถนำทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) ของ Michael Porter ไปใช้ในการพัฒนากลยุทธ์การแข่งขันของประเทศได้ โดยทฤษฎีนี้กล่าวถึงวิธีการพัฒนาและปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการใช้สิ่งที่มีอยู่และแสวงหาประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและความสามารถของแต่ละประเทศ โดย Porter กล่าวถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้แก่:

  • ปัจจัยด้านความสามารถของธุรกิจ (Factor Conditions): ภายในประเทศจะต้องมีแรงงานที่มีความสามารถ รวมถึงการมีเทคโนโลยีและการลงทุนในการพัฒนาโรงงานและสถานที่ในการผลิต
  • ปัจจัยด้านการตลาด (Demand Conditions): ต้องมีการตลาดที่สำคัญและมีความต้องการของผู้บริโภค เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
  • ปัจจัยด้านสนับสนุนและสร้างสรรค์ (Related and Supporting Industries): การพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
  • ปัจจัยด้านวัตถุดิบ (Firm Strategy, Structure, and Rivalry): การพัฒนาวิธีการบริหารและธุรกิจ (Firm Strategy, Structure, and Rivalry) เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วย
    • วิธีการบริหารและกลยุทธ์ของธุรกิจ: การมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมและเป็นระบบ รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
    • โครงสร้างอุตสาหกรรม: การมีโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เหมาะสม รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการธุรกิจ เช่น การทำงานร่วมกันของธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน
    • การแข่งขันในตลาด: การมีการแข่งขันที่เข้มข้นและดูแล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจต้องพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
    • การใช้เทคโนโลยี: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและบริการ เช่นการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและการอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในปัจจุบัน

ตัวอย่าง National Competitive Advantage

ทฤษฎีความได้เปรียบ Competitive advantage

ตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นซึ่งใช้ความเหนือของเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ในการผลิตสินค้าและบริการ เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเทคโนโลยีสูง เช่น การผลิตรถยนต์โตโยต้าและนิสสัน การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีการผลิตระบบการเดินเงินโทรศัพท์มือถือ และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งทั้งหมดเป็นตัวอย่างของการใช้ National Competitive Advantage เพื่อสร้างความเหนือในตลาดโลก

ประเทศญี่ปุ่นเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

ปัจจัยด้านความสามารถของธุรกิจ: ญี่ปุ่นมีแรงงานที่มีคุณภาพสูงและมีทักษะทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเทคโนโลยีสูง

ปัจจัยด้านการตลาด: ญี่ปุ่นมีตลาดในปริมาณใหญ่ที่สำคัญในการติดตั้งเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ในสินค้าที่เชื่อมต่อกัน เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถพัฒนาสินค้าที่เชื่อมต่อกันและเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างก้าวกระโดด

ปัจจัยด้านสนับสนุนและสร้างสรรค์: ญี่ปุ่นมีการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และเทคโนโลยีสูง เช่น การใช้เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์โตโยต้าและนิสสัน การพัฒนาการแบบอุตสาหกรรมและการใช้เทคโนโลยีในญี่ปุ่นยังเชี่ยวชาญในหลายสาขาอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และเทคโนโลยีสุขภาพ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

ความสำคัญของทฤษฎีความได้เปรียบในการแข่งขันระหว่างประเทศ (National Competitive Advantage) อยู่ที่การช่วยให้เข้าใจได้ถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก จะช่วยให้เห็นภาพรวมของประเทศว่ามีความแข็งแกร่งขนาดใดในการแข่งขันในตลาดโลก และเมื่อทราบปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันแล้ว ก็จะสามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ในการพัฒนาประเทศให้มีความแข็งแกร่งและเหนือกว่าได้ นอกจากนี้ ทฤษฎีนี้ยังช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศของเราเพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขันในตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของประเทศในระยะยาว

halo icon removebg preview

เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี

การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้