Ray Dalio เป็นชื่อที่คนในวงการการเงินและการลงทุนให้ความเคารพอย่างสูง เขาเป็นผู้ก่อตั้งและอดีตประธานบริษัท Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Ray Dalio อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา แนวคิดการลงทุน หลักการในการดำเนินชีวิต ไปจนถึงความสำเร็จและทรัพย์สินมหาศาลของเขา
ประวัติของ Ray Dalio
Raymond Thomas Dalio เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) ที่ย่าน Jackson Heights ในนิวยอร์กซิตี้ เขาเป็นลูกชายของนักดนตรีแจ๊สชาวอิตาเลียน-อเมริกัน Marino Dallolio ซึ่งเล่นคลาริเน็ตและแซกโซโฟนตามคลับแจ๊สในแมนฮัตตัน และแม่ของเขาชื่อ Ann ทำงานเป็นแม่บ้าน
ตั้งแต่อายุ 12 ปี Dalio เริ่มสนใจการลงทุนในตลาดหุ้น โดยการซื้อหุ้นของสายการบิน Northeast Airlines มูลค่า 300 ดอลลาร์ และได้กำไรเป็น 3 เท่าเมื่อสายการบินนี้ควบรวมกิจการกับบริษัทอื่น นี่คือประสบการณ์แรกที่จุดประกายความสนใจด้านการลงทุนให้กับเขา
Dalio จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการเงินจาก Long Island University (C.W. Post College) และปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1973 หลังจากนั้น เขาได้ทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ในตำแหน่งเสมียน และต่อมาเป็นโบรกเกอร์ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าที่บริษัท Dominick & Dominick LLC
ในช่วงปี 1974 Dalio ได้ทำงานเป็นโบรกเกอร์ที่บริษัทหลักทรัพย์ Shearson Hayden Stone ที่บริหารโดย Sandy Weill ผู้ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักจากการสร้าง Citigroup ให้เติบโต อย่างไรก็ตาม Dalio ถูกไล่ออกจากงานหลังจากต่อยหน้าเจ้านายในงานปาร์ตี้วันปีใหม่ขณะเมาในปี 1974
การก่อตั้ง Bridgewater Associates
หลังจากถูกไล่ออกจากงาน Dalio ไม่ได้ท้อแท้ แต่กลับตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ Bridgewater Associates ในปี 1975 ที่อพาร์ตเมนต์ของเขาในนิวยอร์ก ในช่วงแรก บริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าองค์กร และเน้นวิเคราะห์ตลาดสกุลเงินและอัตราดอกเบี้ย
จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อ McDonald's กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Bridgewater ทำให้บริษัทเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น กองทุนบำเหน็จบำนาญขนาดใหญ่ เช่น World Bank และ Eastman Kodak ก็เข้ามาเป็นลูกค้า ในปี 1981 Bridgewater ย้ายสำนักงานไปที่เมือง Westport รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Dalio และภรรยาต้องการสร้างครอบครัว
Dalio เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างหลังจากทำกำไรจากตลาดหุ้นที่ทรุดลงในปี 1987 ในปี 1991 เขาเปิดตัวกลยุทธ์การลงทุนหลักของ Bridgewater ที่เรียกว่า “Pure Alpha” ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงตัวอักษรกรีกที่ในแวดวงวอลสตรีทใช้แทนผลตอบแทนส่วนเกินที่ผู้จัดการกองทุนสามารถทำได้เหนือดัชนีอ้างอิงตลาด เช่น NASDAQ
ในปี 1996 Dalio ได้เปิดตัวกองทุน All Weather ซึ่งเป็นกองทุนที่บุกเบิกกลยุทธ์การลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำและมั่นคง ที่ต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ “risk parity” (การจัดสรรความเสี่ยงอย่างเท่าเทียม)
การเติบโตของ Bridgewater สู่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Bridgewater Associates กลายเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2005 ช่วงระหว่างปี 1991 ถึง 2005 กองทุนขาดทุนเพียง 3 ปีปฏิทินเท่านั้น และไม่เคยขาดทุนเกิน 4% ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนี S&P 500 มีปีที่ติดลบถึง 3 ปีเช่นกัน รวมถึงมีผลตอบแทนติดลบถึง 22.1% ในปี 2002
กองทุนเติบโตด้วยการใช้โมเดลกองทุนเฮดจ์ฟันด์มาตรฐาน ซึ่งเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการ 2% ของสินทรัพย์ และค่าธรรมเนียมผลการดำเนินงาน 20% ของกำไรประจำปีที่เกิดจากการใช้ระบบการลงทุน ภายในปี 2005 Dalio บริหารเงินให้กับองค์กรขนาดใหญ่มากมาย รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐแคลิฟอร์เนีย (CalPERS) มูลค่า 196 พันล้านดอลลาร์
ในปี 2007 Bridgewater ทำนายวิกฤตการเงินปี 2007-2008 ได้อย่างแม่นยำ Dalio ได้ตีพิมพ์บทความชื่อ “How the Economic Machine Works: A Template for Understanding What is Happening Now” ซึ่งประเมินศักยภาพของเศรษฐกิจต่างๆ ตามเกณฑ์ที่หลากหลาย ในปีเดียวกันนั้น สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 50 พันล้านดอลลาร์ (จาก 33 พันล้านดอลลาร์เมื่อเจ็ดปีก่อนหน้า)
ตามบทความในนิตยสาร Barron's ปี 2007 “ไม่มีใครเตรียมพร้อมสำหรับวิกฤตตลาดโลกได้ดีไปกว่า” ลูกค้าของ Bridgewater นักวิจัยของบริษัทได้ตรวจสอบบันทึกสาธารณะของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ของโลกและพบว่าหนี้เสียที่คาดการณ์ไว้มีมูลค่ารวม 839 พันล้านดอลลาร์
ด้วยการวิจัยนี้ กองทุน Pure Alpha ของ Bridgewater จึงหลีกเลี่ยงการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2008 ได้เป็นส่วนใหญ่ ในปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับคู่แข่งหลายรายของ Bridgewater กองทุน Pure Alpha กลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 9.5% หลังหักค่าธรรมเนียม Dalio ทำเช่นนี้ได้ด้วยการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะถูกบังคับให้พิมพ์เงินจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เขาจึงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ชอร์ตดอลลาร์ และซื้อทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
ปัจจุบัน (มีนาคม 2025) Bridgewater Associates มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 160 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หลักการและปรัชญาการลงทุนของ Ray Dalio
Principles: หลักการสู่ความสำเร็จ
ในปี 2011 Dalio ได้เผยแพร่หนังสือ “Principles” เล่มแรก ความยาว 123 หน้า ซึ่งเป็นการเผยแพร่แนวคิดด้านการลงทุนและการบริหารองค์กรของเขา ต่อมาในปี 2017 เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ “Principles: Life & Work” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีของ The New York Times
หลักการของ Dalio มาจากการจดบันทึกการตัดสินใจต่างๆ ในชีวิตและการทำงานของเขา เมื่อเขาเคยประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่ในการลงทุนช่วงปี 1982 ที่ทำให้บริษัทเกือบล้มละลาย เขาเริ่มจดบันทึกการตัดสินใจของตัวเองอย่างละเอียด เพื่อสร้างเป็น “หลัก” ไว้ใช้สำหรับการตัดสินใจแบบเดิมในอนาคต
Dalio เชื่อว่าความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากตัวเขาเอง แต่มาจาก “หลักการ” ที่เขาใช้ ซึ่งมีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เขาแนะนำให้ทุกคนสร้างหลักการของตัวเองผ่านกระบวนการ 5 ขั้นตอน:
- ตั้งเป้าหมาย – เป้าหมายควรสอดคล้องกับความสนใจ ความชอบ จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง
- เผชิญกับปัญหา – ระบุอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย
- วิเคราะห์ปัญหา – เจาะลึกถึงรากเหง้าของปัญหา อาจเป็นจุดอ่อนของตัวเองหรือผู้อื่น
- ออกแบบแผนการ – วางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปัญหา
- ลงมือปฏิบัติ – ผลักดันตนเองให้ทำตามแผนที่วางไว้
Dalio เชื่อว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จคือการทำตามขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้ชีวิตพัฒนาและวิวัฒนาการสูงขึ้นเรื่อยๆ
ปรัชญาการลงทุน
ตาม Dalio บริษัท Bridgewater Associates เป็น “บริษัทแมโครระดับโลก” ที่ลงทุนตามแนวโน้มทางเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เงินเฟ้อ และการเติบโตของ GDP
Dalio แบ่งการลงทุนของเขาออกเป็นสองประเภท:
- การลงทุนแบบ Beta – สร้างผลตอบแทนผ่านการจัดการแบบเชิงรับและความเสี่ยงตลาดปกติ
- การลงทุนแบบ Alpha – มีการจัดการเชิงรุกและมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนแบบ Beta
เป้าหมายของ Dalio คือการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีผลตอบแทนไม่สัมพันธ์กัน (uncorrelated) โดยอิงจากการจัดสรรความเสี่ยงมากกว่าการจัดสรรสินทรัพย์ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขารับเงินส่วนใหญ่จากลูกค้าสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ มูลนิธิ กองทุนเพื่อการศึกษา และธนาคารกลาง
กลยุทธ์ของ Dalio เน้นที่ตลาดสกุลเงินและตราสารหนี้ ซึ่งแตกต่างจากการซื้อหุ้นรายบริษัท เช่น นักลงทุนอย่าง Warren Buffett และ Peter Lynch Dalio ยังเป็นผู้ริเริ่มแนวทาง risk parity ซึ่งเขาใช้สำหรับการจัดการความเสี่ยงและการกระจายการลงทุนภายใน Bridgewater Associates
กลยุทธ์ risk parity อนุญาตให้มีการใช้เลเวอเรจ (leverage) และการกระจายความเสี่ยงภายนอกเมื่อลงทุน รวมถึงการขายชอร์ต (short selling) กลยุทธ์นี้ใช้ระดับความเสี่ยงเป้าหมายที่เหมาะสมเป็นพื้นฐานในการลงทุน ซึ่งแตกต่างจากการจัดสรรเงินทุนก่อนแล้วจึงบรรลุเป้าหมายความเสี่ยง
มุมมองของ Ray Dalio ต่อเศรษฐกิจและสังคม
ทุนนิยมและความเหลื่อมล้ำ
แม้ว่า Dalio จะระบุว่าทุนนิยมโดยทั่วไปเป็นระบบเศรษฐกิจที่ดีที่สุด แต่เขาได้โต้แย้งว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเนื่องจาก “ไม่ได้ทำงานได้ดีสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่”
ในเดือนเมษายน 2019 Dalio กล่าวในรายการ 60 Minutes ว่าความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสหรัฐอเมริกาเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติที่ต้องการการปฏิรูป ในเดือนกรกฎาคม 2019 เขาเรียกร้องให้มีการปรับปรุงทุนนิยมอีกครั้งและเรียกความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งว่าเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ
ในเดือนพฤศจิกายน 2019 เขาได้โพสต์บล็อกระบุว่าทุนส่วนเกิน ภาระผูกพันทางสังคมที่ไม่ได้รับทุน และการขาดดุลของรัฐบาลได้สร้างสูตรสำหรับหายนะในสิ่งที่เขาเรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์”
ในเดือนตุลาคม 2020 Dalio กล่าวว่ามีการเติบโตของรายได้เพียงเล็กน้อยสำหรับพลเมืองโดยเฉลี่ยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยคนงาน 60% ล่างไม่มีการเติบโตของรายได้ที่ปรับตามเงินเฟ้อตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เขากล่าวว่าความเหลื่อมล้ำทางรายได้อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1930 เมื่อคนรวย 1% มีความมั่งคั่งมากกว่า 99% ที่เหลือรวมกัน
มุมมองต่อจีน
ในเดือนตุลาคม 2020 Dalio เตือนผู้คนไม่ให้มองข้ามการเติบโตของจีน เขาอ้างว่าจีนประสบความสำเร็จในวิธีที่โดดเด่น รวมถึงผลงานทางเศรษฐกิจที่สูงแม้จะมีการระบาดของ COVID-19 อัตราผู้ป่วย COVID-19 ที่ต่ำที่สุดในบางประเทศ และเป็นศูนย์กลางของการเสนอขายหุ้น IPO ครึ่งหนึ่งของทั้งโลก
Dalio กล่าวว่าเมื่อเขาเยี่ยมชมจีนในปี 1984 เจ้าหน้าที่ระดับสูงจะทึ่งกับเทคโนโลยีพื้นฐานอย่างเครื่องคิดเลข เรียกมันว่า “อุปกรณ์มหัศจรรย์” เขาโต้แย้งว่าปัจจุบันจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯ ในเทคโนโลยีขั้นสูงและอาจจะเป็นผู้นำในอีก 5 ปีข้างหน้า
Dalio ยังมองว่าจีนน่าสนใจจากมุมมองของนักลงทุน เขากล่าวว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของจีนแข็งแกร่งและสินทรัพย์มีราคาที่ค่อนข้างน่าดึงดูด อย่างไรก็ตาม มุมมองของ Dalio ต่อจีนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะในประเด็นที่เขาลดความสำคัญและปฏิเสธการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีน
ทรัพย์สินและการกุศลของ Ray Dalio
ความมั่งคั่ง
ในปี 2014 Dalio รายงานว่ามีรายได้ 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงส่วนแบ่งของค่าธรรมเนียมการจัดการและผลการดำเนินงานของบริษัท ค่าตอบแทนเป็นเงินสด และรางวัลหุ้นและตัวเลือก ในปี 2018 Dalio ได้รับค่าตอบแทนส่วนตัวประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากกองทุนของเขารายงานผลตอบแทน 14.6%
ตาม Forbes ณ ธันวาคม 2024 Dalio มีมูลค่าสุทธิประมาณ 15.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.4 แสนล้านบาท) ทำให้เขาอยู่ในอันดับที่ 124 ในรายชื่อคนรวยที่สุดในโลก
การทำงานเพื่อการกุศล
โดยรวมแล้ว ครอบครัว Dalio ได้บริจาคเงินมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิ Dalio Foundation และมูลนิธินี้ได้มอบเงินบริจาคเพื่อการกุศลมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ในเดือนเมษายน 2011 Dalio และภรรยาของเขาได้เข้าร่วม Giving Pledge โดยสัญญาว่าจะบริจาคเงินมากกว่าครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อการกุศลภายในชีวิตของพวกเขา
Dalio ได้นั่งในคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาล NewYork–Presbyterian ตั้งแต่ปี 2020 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 มูลนิธิ Dalio บริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนความพยายามในการฟื้นฟูจากโคโรนาไวรัสของจีนในการตอบสนองต่อการระบาดของ COVID-19 ในเดือนมีนาคม 2020 มูลนิธิได้มอบเงิน 4 ล้านดอลลาร์ให้กับรัฐคอนเนตทิคัตเพื่อสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพและโภชนาการ
ในวันที่ 13 ตุลาคม 2020 โรงพยาบาล NYP ได้เปิดตัวศูนย์ Dalio Center for Health Justice ด้วยเงินบริจาคจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ มูลนิธิยังสนับสนุน Fund for Teachers, David Lynch Foundation, National Philanthropic Trust และ TED's Audacious Project
เรือวิจัยและเรือดำน้ำของ Dalio เคยปรากฏบนช่อง Discovery Channel ในช่วง Shark Week และได้ถูกใช้เพื่อล่าหาหมึกยักษ์ ในปี 2018 OceanX ซึ่งเป็นโครงการของครอบครัว Dalio และ Bloomberg Philanthropies ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบเงิน 185 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลาสี่ปีเพื่อปกป้องมหาสมุทร ในปี 2019 เขาได้สัญญาว่าจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้กับโรงเรียนรัฐในคอนเนตทิคัต
หนังสือและผลงานของ Ray Dalio
Ray Dalio ได้เขียนหนังสือหลายเล่มที่สะท้อนแนวคิด หลักการ และวิธีการทำงานของเขา ซึ่งกลายเป็นที่นิยมในวงกว้าง:
- How the Economic Machine Works; A Template for Understanding What is Happening Now – หนังสือเล่มแรกของเขา ตีพิมพ์ในปี 2007 อธิบายกลไกการทำงานของเศรษฐกิจ
- Principles: Life & Work – ตีพิมพ์ในปี 2017 โดย Simon & Schuster เป็นหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ New York Times และเป็นหนังสือธุรกิจอันดับ 1 ของ Amazon ในปี 2017 CNBC จัดให้อยู่ในรายการหนังสือธุรกิจที่ดีที่สุด 13 เล่มของปี 2017
- Principles for Navigating Big Debt Crises – เล่มที่สามของเขา ตีพิมพ์ในปี 2018 เกี่ยวกับการเข้าใจและรับมือกับวิกฤตหนี้ขนาดใหญ่
- The Changing World Order: Why Nations Succeed and Fail – ตีพิมพ์ในปี 2021 วิเคราะห์ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและการเมืองโลก
- Principles for Success – เวอร์ชันภาพประกอบของ Principles: Life & Work ที่เผยแพร่ในปี 2019
- How Countries Go Broke, Principles for Navigating the Big Debt Cycle, Where We Are Headed, and What We Should Do – มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2025
งานอดิเรก ไลฟ์สไตล์ และชีวิตส่วนตัว
ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว
Ray Dalio อาศัยอยู่กับภรรยาของเขา Barbara (ซึ่งเป็นลูกหลานของประติมากร Gertrude Vanderbilt Whitney) ที่เมือง Greenwich รัฐคอนเนตทิคัต พวกเขามีลูกชายสี่คน ลูกชายคนโตของพวกเขา Devon เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 2020 ที่อายุ 42 ปี ลูกชายคนที่สองของพวกเขา Paul Dalio (เกิดปี 1979) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์
Dalio มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรค Barrett's esophagus ซึ่งเป็นรูปแบบของโรคกรดไหลย้อน (GERD) ที่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่มะเร็งได้
งานอดิเรกและความสนใจ
Dalio ฝึกสมาธิแบบหยั่งลึก (Transcendental Meditation) เป็นประจำ และได้กล่าวว่านี่เป็น “เหตุผลสำคัญที่สุดเพียงประการเดียว” สำหรับความสำเร็จของเขา
เขาเป็นคนรักกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบทั้งการล่าสัตว์และการตกปลา เขาเคยล่าควายแอฟริกา นกกระทา กวาง และหมูป่า เขาชื่นชอบการล่าด้วยธนูเป็นพิเศษ ซึ่งธนูเป็นอาวุธที่เขาเลือกใช้เมื่อล่าสัตว์
คำแนะนำและแนวคิดสำคัญของ Ray Dalio
สูตรความสำเร็จสุดเรียบง่าย
Ray Dalio ได้เปิดเผยสูตรความสำเร็จสุดเรียบง่ายผ่านโพสต์ใน LinkedIn โดยระบุว่าทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ สูตรนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ:
- ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการ – ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุณต้องการอะไร
- วางแผนหาวิธีที่จะไปถึงเป้าหมายอย่างสมเหตุสมผล – ออกแบบแผนการที่สามารถปฏิบัติได้จริง
- ไล่ตามเป้าหมายนั้นด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ – ลงมือทำและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
Dalio เชื่อว่า “คนที่ประสบความสำเร็จและผลักดันความก้าวหน้าจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลที่ควบคุมความเป็นจริง และมีหลักการในการใช้มันเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ”
การเรียนรู้จากความล้มเหลว
Dalio มักเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากความล้มเหลว เขาเชื่อว่าความล้มเหลวเป็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนา การตระหนักถึงข้อผิดพลาดและความอ่อนแอของตัวเองเป็นขั้นตอนสำคัญในการเติบโต
ตามแนวคิดของ Dalio ความเจ็บปวดที่เกิดจากความล้มเหลวคือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าเราต้องตระหนักถึง “ความเป็นจริง” และหาวิธีแก้ปัญหา เขาเชื่อว่าการยอมรับความจริง แม้จะเจ็บปวด เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเอง
ความคิดเกี่ยวกับวัฏจักรเศรษฐกิจและตลาด
Dalio มองว่าทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเคลื่อนไหวเป็นวัฏจักร สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย บางอย่างเกิดขึ้นซ้ำในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งง่ายต่อการจดจำ บางอย่างก็ยาวหรือเกิดขึ้นไม่บ่อยจนอาจไม่เคยเกิดขึ้นเลยในช่วงชีวิตของเรา
เขาสังเกตว่าผู้คนมักมีความลำเอียงต่อประวัติศาสตร์หรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ในขณะที่ไม่กลัวหรือไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว โดยเฉพาะที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขาโดยตรง แต่เขาเชื่อว่าวัฏจักรเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำอีก และเป็นความเสี่ยงที่ผู้คนอาจไม่ตระหนักเท่าที่ควร
การคิดเชิงวิเคราะห์และเครื่องมือตัดสินใจ
Dalio เชื่อในพลังของการคิดเชิงวิเคราะห์และการใช้เครื่องมือที่เป็นระบบในการตัดสินใจ เขาพัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า “Dot Collector” สำหรับพนักงานของ Bridgewater เพื่อให้ข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์ในระหว่างการประชุม ส่งเสริมสิ่งที่เขาเรียกว่า “ความโปร่งใสแบบสุดขั้ว” (radical transparency) ในที่ทำงาน
สำหรับการลงทุน เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง และการกระจายการลงทุนเพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง เขามักจะมองว่าตนเองเป็น “สัจนิยมสุดขั้ว” (hyperrealist) และแรงจูงใจของเขาคือการเข้าใจกลไกที่กำหนดวิธีการทำงานของโลกอย่างแท้จริง โดยไม่เพิ่มการตัดสินคุณค่าแบบนามธรรม
อิทธิพลของ Ray Dalio ต่อโลกการเงินและการลงทุน
Ray Dalio ได้สร้างอิทธิพลอย่างมากต่อโลกการเงินและการลงทุน ด้วยความสำเร็จของ Bridgewater Associates และแนวคิดที่เขาแบ่งปันผ่านหนังสือและสื่อต่างๆ เขาได้นำเสนอมุมมองที่แตกต่างและกลยุทธ์การลงทุนแบบใหม่ที่ท้าทายแนวคิดดั้งเดิม
กลยุทธ์ risk parity ที่เขาพัฒนาได้กลายเป็นแนวทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ ในขณะที่หลักการการจัดการและการบริหารองค์กรของเขา เช่น “ความโปร่งใสแบบสุดขั้ว” ได้มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมองค์กรในหลายบริษัท
นอกจากนี้ การวิเคราะห์ของเขาเกี่ยวกับวัฏจักรหนี้และวิกฤตเศรษฐกิจได้มีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการทำงานของระบบเศรษฐกิจโลก
บทส่งท้าย: บทเรียนสำคัญจาก Ray Dalio
Ray Dalio เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความสำเร็จผ่านการทำงานหนัก การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และความกล้าที่จะคิดต่าง เขาเริ่มต้นจากการเป็นนักลงทุนธรรมดาและกลายเป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แนวคิดและหลักการของเขาไม่เพียงแต่มีค่าสำหรับนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตและธุรกิจทั่วไป หลักการพื้นฐานของเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการเผชิญหน้ากับความจริง มีความเกี่ยวข้องกับทุกคนที่มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุน ผู้ประกอบการ หรือคนทำงานทั่วไป บทเรียนจาก Ray Dalio สามารถช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเผชิญหน้ากับความท้าทาย การตัดสินใจอย่างมีหลักการ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าหลักการของ Dalio อาจไม่เหมาะกับทุกคนหรือทุกสถานการณ์ แต่แนวคิดหลักของเขาเกี่ยวกับการสร้างหลักการของตัวเองและการเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับทุกคนที่ต้องการความสำเร็จในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ray Dalio
Ray Dalio ทำกองทุน Bridgewater Associates สำเร็จได้อย่างไร?
Dalio สร้างความสำเร็จผ่านการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์ การเรียนรู้จากความผิดพลาด และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความโปร่งใสและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เขาใช้หลักการที่เขาพัฒนาขึ้นเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นและการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
หนังสือ Principles ของ Ray Dalio เกี่ยวกับอะไร?
หนังสือ Principles: Life & Work เป็นการรวบรวมหลักการที่ Dalio พัฒนาขึ้นตลอดชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของเขา หนังสือนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน: ส่วนแรกเป็นเรื่องราวชีวิตของเขา และส่วนที่สองเป็นหลักการเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานที่เขาใช้เพื่อสร้างความสำเร็จ
กลยุทธ์การลงทุนของ Ray Dalio คืออะไร?
Dalio มักจะใช้กลยุทธ์ risk parity ซึ่งเน้นการจัดสรรความเสี่ยงมากกว่าการจัดสรรเงินทุน เขาเชื่อในการกระจายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีผลตอบแทนไม่สัมพันธ์กัน (uncorrelated) เขาเน้นการลงทุนในตลาดสกุลเงินและตราสารหนี้ และมองการลงทุนผ่านมุมมองทางเศรษฐกิจมหภาค
Ray Dalio ให้คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับการบริหารเงิน?
Dalio เน้นย้ำเรื่องการเข้าใจความเสี่ยงและการกระจายการลงทุน เขาแนะนำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง เขายังเชื่อว่าการตัดสินใจทางการเงินควรขึ้นอยู่กับความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัฏจักรเศรษฐกิจและตลาด
Ray Dalio มีมุมมองอย่างไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน?
Dalio ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น ระดับหนี้ที่สูง และความท้าทายที่ทุนนิยมกำลังเผชิญ เขาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะในสหรัฐฯ และความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของจีน
