ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาออมเงินกันมากขึ้น เป็นเหตุมาจากเศรษฐกิจที่เริ่มแย่ และราคาข้าวของที่เริ่มแพง จึงทำให้คนหันมาประหยัดมากขึ้นและเริ่มเก็บออม ในบทความนี้เรามีวิธีการออมเงิน พร้อมสูตรการออมเงินแบบง่ายๆมาให้คุณได้ศึกษากันจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
การออมเงินคืออะไร
การออม คือรายได้เมื่อหักรายจ่ายแล้วจะมีส่วนซึ่งเหลืออยู่ ส่วนของรายได้ที่เหลืออยู่ซึ่งไม่ได้ถูกใช้สอยออกไปนี้เรียกว่า เงินออม
- โดยทั่วไป การออม จะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีรายได้มากกว่าการจ่ายของเขา
- ทางที่จะเพิ่มเงินออมให้แก่ บุคคล อาจทำได้โดยการพยายามหาทางเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วยการทำงานมากขึ้น ใช้เวลาว่างในการหารายได้พิเศษ หรือการปรับปรุงงาน ที่ทำอยู่ให้มีประสิทธิภาพมีรายได้สูงขึ้น เป็นต้น
- นอกจากนั้น การลดรายจ่าย ลงด้วยการรู้จักใช้จ่าย เท่าที่จำเป็น และเหมาะสมก็จะทำให้มีการออมเกิดขึ้นได้เหมือนกัน
- การออมเงิน เป็นการยอมเสียสละเงินที่ต้องใช้จ่ายในปัจจุบัน เพื่อจะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในอนาคตแทนโดยแบ่งเงินบางส่วนจากรายได้ เพื่อเก็บสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อยามเกษียณอายุ หรือเมื่อยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
- การดำเนินชีวิตประจำวันอาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา คือ การตกงาน เจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติตามธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้
- ถ้าหากไม่มีเงินออมย่อมเกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน หรือหลังจากอายุเกษียณ 60 ปีแล้ว เราจะมีรายได้จากที่ใดมาเป็นค่าใช่จ่ายในการดำรงชีวิตต่อไป
ความสำคัญของเงินออม
- เงินออมเป็นปัจจัยที่จะทำให้เป้าหมายซึ่งบุคคลกำหนดไว้ในอนาคตบรรลุจุดประสงค์
- เงินออมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดเป้าหมายที่วางไว้เป็นจริงขึ้นมาได้
- นอกจากนี้เงินออม ยังใช้สำหรับแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนทางการเงิน ที่อาจเกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึงของบุคคลได้ด้วย
ปัจจัยสำคัญในการออม
การออมเงินเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างมาก โดยการออมเงินมีปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง ดังต่อไปนี้
ผลตอบแทนที่ผู้ออมได้รับจากการออม
- ถ้ายิ่งผลตอบแทนในการออมเพิ่มมากขึ้นเท่าใด ก็จะเป็นสิ่งดึงดูดใจให้บุคคลมีการออมเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
- ตัวอย่างเช่น ในภาวะที่รัฐบาล กำหนดให้ ธนาคารพาณิชย์ ทุกแห่งลดอัตราดอกเบี้ย เงินฝากประจำ ทุกประเภทลง ทั้งยังเก็บดอกเบี้ยภาษีเงินฝากอีก จึงทำให้ระดับเงินออมของธนาคารพาณิชย์ มีแนวโน้มลดลงเป็นอย่างมาก
มูลค่าของอำนาจซื้อของเงินในปัจจุบัน
- ผู้ออมจะตัดสินใจทำการออมมากขึ้นภายหลังจาก การพิจารณาถึงอำนาจซื้อของเงิน ที่มีอยู่ในปัจจุบันว่า จะมีความแตกต่างจากมูลค่าของเงินในอนาคต
- หมายความว่าจำนวนเงิน 1 บาท ซื้อสินค้าและบริการ ได้ในจำนวนใกล้เคียง หรือเท่ากับการใช้เงิน 1 บาทซื้อสินค้าหรือบริการในอีก 2-3 ปีข้างหน้าหรือมากกว่านั้น
- ถ้าท่านพอใจทีจะซื้อสินค้าในวันนี้มากกว่าการหวังผลตอบแทนที่จะได้รับเพิ่มขึ้นในอนาคต ท่านก็จะมี การออมลดลง
รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ
- ผู้ที่มีรายได้คงที่แน่นอนเป็นประจำทุกเดือนในจำนวนที่ไม่สูงมากนักเช่น ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชนระดับต่ำ
- จำนวนเงินออมที่กันไว้อาจเป็นเพียงจำนวนน้อยตามอัตราส่วนของรายได้ที่มีอยู่ ซึ่งต่างจากจำนวนเงินออมของผู้บริหารระดับสูง หรือนักการเมืองที่จะมีเงินเหลือออมได้มากกว่า
- การเปลี่ยนแปลงรายได้เนื่องจาก การเลื่อนตำแหน่ง การโยกย้ายงานการถูกปลดออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน ที่มีผลต่อระดับการออมเช่นกัน คือ อาจทำให้มีการออมเพิ่มมากขึ้น หรือลดลงไปจากระดับเดิมได้
- ในระหว่างที่ท่านมีรายได้มากกว่าปกติ หรือในขณะที่ท่านมีความสามารถ หารายได้ได้ อยู่จึงควรจะมี การออมไว้เพื่อป้องกัน ปัญหาทางการเงิน อันอาจเกิดขึ้นได้
ความแน่นอนของจำนวนรายได้ในอนาคตหลังการเกษียณอายุ
- ถ้าผู้มีรายได้ทุกคนทราบได้แน่นอนว่า เมื่อใดก็ตามที่ท่านไม่มีความสามารถ หารายได้ได้อีกต่อไป ท่านก็จะไม่มีปัญหาทางการเงิน เกิดขึ้น หรือถ้ามีก็ไม่ใช่ปัญหาที่รุนแรงมากนัก
- เนื่องจากหน่วยงานที่ท่านเคยทำงานอยู่ มีนโยบายช่วยเหลือ ท่านในวัยชราหลัง เกษียณอายุ หรือภายหลังออกจากงานก่อนกำหนด เช่น นโยบายการให้บำนาญ บำเหน็จ เงินชดเชย เป็นต้น
- ผู้ออมอาจมีการออมลดลง เพื่อกันเงินไว้ใช้จ่ายมากขึ้นโดยไม่ทำให้จำนวนเงินรวมในอนาคตกระทบกระเทือนแต่ประการใด
ประเภทการออมเงิน
การเก็บออมเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายชีวิตบุคคลควรเก็บออมเงินไว้บัญชีเงินฝากธนาคารแต่ละธนาคารหรือบัญชีเงินฝากตามเป้าหมายชีวิตหรือ ตามประเภทของเงินออมเพื่อจะได้เห็นยอดเงินออมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เงินออมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
-
เงินออมเพื่อความมั่นคง
- การออมเงินเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินเป็นเงินออมที่เก็บไว้ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
เหตุการณ์ไม่คาดคิด
เช่น
- การเจ็บป่วย
- อุบัติเหตุ
- การตกงาน
- การซ่อมแซมรถยนต์
- เงินออมประเภทนี้จะทำหน้าที่ช่วยให้บุคคลดำรงชีวิตได้ตามปกติ ได้ไม่เดือดร้อน เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
-
เงินออมเพื่อเกษียณ
- การเก็บสะสมเงินไว้เพื่อใช้จ่ายในยามเกษียณซึ่งผู้ที่เกษียณอายุจะมีรายได้ลดลง
- ถ้ามีเงินออมประเภทนี้จะทำให้การใช้ชีวิตยามเกษียณอายุมีอิสรภาพทางการเงินเพราะชีวิตที่ต้องพึ่งพาคนอื่น นอกจากขาดอิสรภาพแล้วยังขาดความภาคภูมิใจในตนเองด้วย
-
เงินออมเพื่อการลงทุน
- เป็นการสะสมเงินออมเพื่อนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจหรือลงทุนในหลักทรัพย์
การลงทุนในหลักทรัพย์
เช่น
- ลงทุนในตราสารหนี้
- ตราสารทุน
- ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อขายต่อ
- โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีผลตอบแทนเพิ่มมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับจากการออมเงินไว้ที่ธนาคาร
- ซึ่งเงินออมประเภทนี้จะทำให้บุคคลมีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้นโดยไม่ต้องรอรายได้จากการทำงานอย่างเดียว
10 วิธีการออมเงินมีอะไรบ้าง
การออมเงินมีวิธีอะไรบ้าง เรามาดู 10 วิธีการออมเงินจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
- ตั้งเป้าหมายการเงิน แบบง่ายๆ
วิธีเก็บเงิน
- การวางแผนการเงิน ก่อนเริ่มเก็บเงิน
- ต้องรู้ก่อนว่าจะเก็บเงินนั้นเพื่อที่จะนำไปใช้ทำอะไร เช่น ซื้อมือถือใหม่ เก็บเงินไปเที่ยว เก็บเงินซื้อรถ หรือเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคต สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย
ข้อดีของการมีเป้าหมาย
- การมีเป้าหมายในการเก็บเงินจะทำให้เรา ไม่หลงทางเวลาเก็บเงิน
- เป้าหมายจะช่วยให้เราไม่นำเงินนั้นออกมาใช้ผิดจุดประสงค์
-
หยอดกระปุกออมสิน
วิธีเก็บเงิน
- หยอดกระปุก วิธีหยอดกระปุก เป็นวิธีเก็บเงินที่เราใช้มาตั้งแต่เด็ก แต่หารู้ไม่ว่า วิธีนี้เป็นวิธีเก็บเงินที่ง่าย และได้ผลมากๆ
- การหยอดเหรียญ ที่เหลือในกระเป๋าทุกวัน ในกระปุกออมสินใบเล็กๆ จะทำให้มีกำลังใจ ในการออมเงิน
เคล็ดลับความสำเร็จของการหยอดกระปุก
- หยอดเหรียญที่เหลือทุกวัน
- ติดป้ายเป้าหมายไว้บนกระปุกออมสิน
- เลือกกระปุกที่แกะไม่ได้
-
เปิดบัญชีฝากประจำ
วิธีเก็บเงิน
- เปิดบัญชีฝากประจำ บัญชีฝากประจำทุกเดือน เดือนละ500 บาท เป็นวิธีที่ใช้เก็บเงินตอนทำงานประจำ
- วิธีนี้เหมาะกับคนทำงานประจำมากๆ เพราะว่าเมื่อเงินเดือนเข้าจะถูกตัดออมอัตโนมัติ เป็นวิธีที่เก็บเงินที่ง่ายมากๆ
ข้อดีของการมีบัญชีฝากประจำ
- เป็นการออมโดยอัตโนมัติ สร้างวินัยในการเก็บออม
- ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝาก
- มีให้ฝากตั้งแต่ 3-36 เดือน ยิ่งฝากไว้นาน ยิ่งมีกำลังใจเมื่อเห็นเงินเพิ่มขึ้น
-
เก็บแบงก์ 50
วิธีเก็บเงิน
- เก็บเงินแบงก์ 50 บาท วิธีนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
- โดยการเก็บแบงก์ 50 บาทนั้น เมื่อสิ้นวันในกระเป๋า เรามีแบงก์ 50 บาท ก็นำมาหยอดกระปุกเก็บไว้ เป็นวิธีที่ทั้งเก็บเงินได้เยอะ และสนุกอีกด้วย เก็บ 50 บาท 365 วัน เท่ากับจะมีเงิน 18250 บาท ภายใน 1 ปี
-
แบ่งเก็บเงิน 10% ของรายได้ทุกก้อน
วิธีเก็บเงิน
- เก็บเงิน 10 % ของรายได้ทุกก้อนที่เข้ามา
- ตัวอย่างเช่น ได้รับเงินเดือน 1หมื่นบาท ก็แบ่งเก็บก่อน 10% ก็คือ 1พันบาท ที่เหลือจากนั้นค่อยนำมาใช้จ่าย แบบไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินเก็บ
ข้อดีของการเก็บ 10 % ของรายได้ทุกก้อน
- เป็นการแบ่งออมก่อนใช้จ่าย
- เป็นการฝึกใช้เงินให้น้อยกว่าที่หามาได้
- เป็นการจ่ายให้ตัวเอง ก่อนที่จะจ่ายให้คนอื่น
-
แบ่งรายจ่ายประจำวันทั้ง 30 วัน
วิธีเก็บเงิน
- วิธีแบ่งรายจ่ายประจำวัน เป็นวิธีเก็บเงินที่ได้ผลดีมากๆ อีกวิธีหนึ่งที่ใช้ตอนทำงานประจำ
- โดยวิธีการก็ง่ายๆ คือ แบ่งรายจ่ายไว้ 30 วันใส่ซองไว้ พร้อมเขียนวันที่ติดไว้
-
เก็บเงินตามวันที่
วิธีเก็บเงิน
- เก็บเงินตามวันที่ เป็นวิธีเก็บเงินง่ายๆ มีวิธีการเก็บ คือ วันที่1 เก็บ1บาท วันที่2 เก็บ2บาท จนถึงวันที่30 ก็เก็บ30บาท
- เป็นวิธีเก็บเงินง่ายๆ ถึงเก็บต่อวันน้อย แต่เก็บทุกวันจะช่วยสร้างนิสัยการออมให้เราได้ เมื่อมีรายได้เพิ่มค่อยเพิ่มจำนวนเงินเก็บต่อวันได้
ข้อดีของการเก็บเงินตามวันที่
- ฝึกวินัยการเก็บออมเงิน
- เป็นการเริ่มเก็บทีละน้อย สามารถเริ่มได้ง่าย
-
หารายได้เสริม
วิธีเก็บเงิน
- หารายได้เสริม สำหรับคนที่อยากเก็บเงินให้ได้มากขึ้น
- นอกจากการเก็บเงินในแต่ละเดือนแล้ว การหารายได้เสริมก็เป็นอีกวิธีนึงที่น่าสนใจ
ตัวอย่างงานเสริมที่น่าสนใจ
- การเขียนบทความออนไลน์
- ขายของออนไลน์
- การทำงานฟรีแลนซ์
-
ออมหุ้น
วิธีเก็บเงิน
- ออมหุ้น เป็นการนำเงินไปทยอยลงทุนซื้อหุ้น เก็บสะสมไว้ ในแต่ละเดือน
- โดยเลือกหุ้นที่ดี มีปันผล
- เมื่อถึงเวลาหุ้นที่เราซื้อไว้ก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับเรา เป็นเงินปันผล เป็นวิธีเก็บเงิน แถมได้ผลตอบแทนอีกด้วยนะ
-
ดื่มน้ำเปล่าบ้าง
วิธีเก็บเงิน
- ดื่มน้ำเปล่าบ้าง เช่น ปกติดื่นกาแฟ แก้วละ 30 บาททุกวัน ก็ให้งดกินในวันหยุด แล้วนำเงิน 30 บาทนั้นมาเก็บไว้แทน
- ลองจดรายการที่เราสามารถลดได้ในบางวันเช่น งดน้ำอัดลม งดขนมที่ไม่มีประโยชน์ งดแอลกอฮอล์ เป็นการลดที่ดีต่อสุขภาพด้วย
ตัวอย่างในการลดค่าใช้จ่าย
- ลดน้ำอัดลม
- พกน้ำดื่มเวลาไปทานข้าว จะได้ไม่ต้องซื้อ
- ดูแลสุขภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอ
- ซื้อประกันครอบคุ้มความเสี่ยง แบบสะสมทรัพย์ หรือมีเงินคืน
10 วิธีเก็บเงินสามารถนำไปเป็นไอเดียในการเก็บเงิน โดยเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเรา และสนุกไปกับการเก็บออม เริ่มเหลือออม เริ่มรวย
สูตรการออมเงินแบบง่าย ๆ ของนักเรียน
สูตรออมเงิน 60-20-20
- วิธีเก็บเงินวัยเรียน มัธยม เบื้องต้น เราลองแบ่งรายรับให้ชัดเลย
- 60% คือค่าอาหารค่าขนมค่าเดินทาง
- ยิ่งถ้าใครเดินทางไปโรงเรียนกับพ่อแม่ก็ยิ่งประหยัด
- 20% เก็บไว้ซื้อของที่อยากได้สามารถตั้งเป้าหมายได้เองว่าต้องการซื้ออะไรเพื่อเพิ่มแรงฮึดในการเก็บเงิน
- อีกส่วนคือ 20% หยอดกระปุกออมสินไว้เพื่ออนาคต
ยกตัวอย่างการวางแผนเก็บเงินฉบับนักเรียน
- กรณีได้รับเงินค่าขนมไปโรงเรียนทุกวัน วันละ 100 บาท เราจะมีรายการใช้จ่าย ดังนี้
- จ่ายเดินทาง+ค่าขนม+ค่าอาหาร = 60 บาท
- เก็บไว้ซื้อของที่อยากได้ = 20 บาท
- เก็บออมเพื่ออนาคต = 20 บาท
หมายความว่าอย่างไร
- สิ้นเดือนเราจะมีเงินเก็บ 2 ส่วน ได้แก่ เก็บไว้ซื้อของที่อยากได้ รวมเป็น 600 บาท และเงินเก็บออมเพื่ออนาคตรวมเป็น 600 บาท
- เก็บทั้งปีก็ได้เกือบ 7,200 บาท กรณีที่เราได้เงินค่าขนมทุกวัน* รวมเข้าด้วยกันก็ได้เดือนละ 1,200 บาท
- วิธีเก็บเงินวัยเรียน มัธยม แบบเก็บเล็กผสมน้อยให้กลายเป็นเงินก้อนได้เลย
สูตรการออมเงินแบบง่าย ๆ ของคนยุคใหม่
คนยุคใหม่แทนที่จะมานั่งบ่นท้อใจกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน เราลองลุกขึ้นมาสร้างความฝันในอนาคตที่สวยงามของเราให้เป็นจริง ด้วยการเริ่มบริหารเงินสไตล์คนรุ่นใหม่ ก่อนอื่น เราต้องมีระบบจัดการเงินที่ดีก่อน ด้วยการตั้งเป้าไว้เลยว่า ต้องออมให้ได้ 20% ของรายได้จะออมให้ได้ตามเป้าหมาย
เราต้องใช้หลักการบริหารเงินแบบ 20-50-30
เริ่มต้นจากให้แบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน
- เงินออม 20%
- เงินก้อนนี้เป็นเงินที่เราจ่ายให้ตัวเองก่อน 20% ของรายได้
- เพื่อเป็นทุนที่เราจะใช้ทำตามความฝันตัวเอง เช่นอยากมีร้านหนังสือเล็กๆ เปิดร้านกาแฟ
- เอาไว้ลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม เช่น การซื้อกองทุน หรือเอาไว้เป็นตัวช่วยยามไม่คาดฝัน เกิดอะไรที่ต้องใช้เงินฉุกเฉิน
- เป็นเงินเก็บระยะยาวถึงตอนเกษียณ
- สูตรนี้ให้กันไว้ที่ 20% ของรายได้ คือ 20/100 x 15,000 จะอยู่ที่ 3,000 บาทต่อเดือน
- เงินเดือนออกปุ๊บ โอนเข้าบัญชีสานฝันของตัวเองทันทีเลย 3,000 บาท ออมก่อน รวยก่อน ส่วนที่เหลือค่อยเอาไว้ใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการใช้ชีวิต 50%
- ตัวอย่างเช่น ค่าเช่าบ้าน , ค่าอาหาร , ค่าเดินทาง , ค่าเสื้อผ้า
- ควรให้ส่วนแบ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เยอะหน่อยอยู่ที่ 50% ของเงินเดือน
- ลองคำนวณดู 0.5 x 15,000 กดเครื่องคิดเลขออกมา ได้ค่าใช้จ่ายก้อนนี้อยู่ที่ 7,500 บาท
- เงินเดือนออกปุ๊บ หลังหักเงินออมแล้ว ให้กันเงินส่วนนี้ไว้ใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นเลย จะได้ไม่มีปัญหาเงินไม่พอใช้ตอนปลายเดือน
- ความอยาก ความสุขส่วนตัว 30%
- ค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยว , กินบุฟเฟต์เค้ก , ทำสีผมใหม่ , รองเท้า Sneakersเราก็จะเรียกเงินก้อนนี้ว่า ‘ก้อนกิเลส’
- เงินส่วนนี้ ให้แบ่งส่วนไว้ 30% ของเงินเดือน 0.3 x 15,000 = 4,500 บาท
- เงินก้อนนี้ เอาไว้ใช้จ่ายเพื่อความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นกำลังใจให้ตัวเอง
- แต่ถ้าเดือนไหน เรามีค่าใช้จ่ายจำเป็นฉุกเฉินเพิ่มขึ้น ก็อาจลดส่วนของเงินก้อนนี้ได้
- ถ้าเดือนไหนเงินส่วนนี้เหลือก็สามารถเอาไปสมทบกับก้อนของเงินออมก็ได้
เห็นไหมว่า แค่บริหารเงินง่าย ๆ ด้วยการการออมเงินให้ได้ 20% ของรายได้ ชีวิตของเราก็จะเป็นระบบมากขึ้น และมีเงินออมที่จะเก็บไว้ใช้ในอนาคตได้อีก
วิธีเก็บเงินคนจน
การเก็บเงินแบบคนจน อาจดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่นักเพราะ ‘คนจน’ มักจะถูกคัดออกเมื่อเป็นเรื่องเงิน แต่เราพบว่าการเก็บเงินในแบบคนจนนั้นก็ยังน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เงินมีน้อยแล้วจะเก็บยังไงให้งอกเงยไปดูกันเลย
-
สภาพแวดล้อมที่ทำให้เก็บเงินยากและการไปฝากเงินในธนาคารเป็นเรื่องสิ้นเปลือง
- ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนจนเก็บออมยากมาก ๆ ที่เรานึกไม่ถึงกันก็คือ สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ชุมชนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยคนมีรายได้น้อย
- พวกเขาออมเงินได้ยากมากเนื่องจากมีบ้านอยู่ในทำเลที่คนส่วนใหญ่ติดเหล้า ติดการพนัน ชอบลักขโมย บ้านก็ไม่มีรั้วรอบขอบชิด แถมหลายคนยังมีคนในครอบครัวที่ชอบขโมยเงินอีกต่างหาก
- แม้ว่าจะอยากเก็บเงินเพียงแค่วันละ 5 บาทก็ยากที่จะเก็บได้ บวกกับคนจนหลายคนหาเช้ากินค่ำ อยู่ในพื้นที่กันดารการเดินทางเข้ามาฝากเงินย่อมมีค่าใช้จ่ายและยังทำให้เขาเสียโอกาสที่จะหารายได้ของวันนั้นไป
- ซึ่งอาจจะทำให้ไม่มีเงินเพื่อซื้ออาหารหรือสิ่งที่จำเป็นในวันนั้น สำหรับคนจนการที่จะเดินทางเพื่อนำเงินไปฝากธนาคารมันจึงเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า
- ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยและการเดินทางยากนี้เองที่ทำให้คนจนเก็บออมไม่ได้
-
มีเงินน้อยมาก แต่คนจนก็ยังออมได้
- คนจนพวกเขายอมจ่ายเงินค่าบริการให้กับใครสักคนที่ไว้ใจได้ให้เก็บออมเงินของพวกเขาให้ปลอดภัยนั่นเอง
- โดยผู้ทำหน้าที่เก็บเงินออมจะแจกบัตรให้ลูกค้าทุกคนโดยจะตีตารางเป็นช่องในแนวนอนและแนวตั้งตามความต้องการจะออมจะลูกค้า
- แถมคนเก็บเงินยังมาเก็บเงินถึงที่บ้าน ทำให้พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน และประหยัดค่าเดินทางอีกด้วย
-
คนจนคือตัวอย่างของการตั้งเป้าหมายการออมระยะสั้นที่ดี
- คนจนยังชีพด้วยรายได้จำนวนน้อยนิดและไม่สม่ำเสมอ พวกเขาหาเช้ากินค่ำทำให้การวางแผนระยะยาวเป็นเรื่องยากและจับต้องไม่ได้
- พวกเขาไม่พร้อมที่จะเก็บเงินสำหรับวัยเกษียณเพราะไม่ได้มีสภาพคล่องทางการเงินมากมาย หรือมีเงินเหลือเก็บมากพอ
- เมื่อการเก็บเงินให้ลูกได้เรียนหนังสือหรือไปโรงเรียนในแต่ละวัน บวกกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมันก็ยังยากเย็นแสนเข็ญ ไหนจะต้องใช้จ่ายในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญในอนาคต
- วิธีที่คนรายได้น้อยทำกันก็คือ พวกเขามักตั้งเป้าหมายระยะสั้นเสมอ และสร้างวิธีเก็บเงินที่เหมาะกับเป้าหมายระยะสั้น
- ซึ่งนั่นก็คือ ‘วงแชร์’ วงแชร์จะเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีวัตถุประสงค์คือการออมเงินร่วมกัน
- โดยมีขั้นตอนก็คือ ทุกคนจะวางเงินกองกลางของตัวเองเอาไว้ หลังจากนั้นก็แจกจ่ายแก่สมาชิกตามลำดับจนกว่าจะครบทุกคน
- วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ทำให้คนที่มีความต้องการใช้เงินในเวลานั้น ๆ สามารถมีเงินในการใช้จ่ายได้ ในขณะที่สมาชิกคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินก็จะได้รับในงวดต่อไปแทนนั่นเอง
-
คนจนคือนักเก็บเงินที่มีวินัยสูง
- วินัยคือสิ่งสำคัญในการเก็บออมเงิน และดูเหมือนว่าคนจนก็มีวินัยในการเก็บเงินที่ไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่น
- คนจนเป็นคนที่เก็บเงินได้ตามเป้าหมายเก่งทั้งที่หลายคนอาจคิดว่าคนจนเก็บเงินไม่เก่ง แต่จริง ๆ แล้วคนจนเป็นกลุ่มที่มักมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จสูงเพราะพวกเขามักตั้งเป้าหมายเก็บออมในระยะสั้น
- ทุกเรื่องมักเป็นเรื่องจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น เก็บเงินเพื่อจ่ายค่าเช่าบ้าน จ่ายค่าไฟ จ่ายค่าเทอมลูก อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่มีระบบออมเงินให้เลือกมากนัก และมันยากมากที่จะเก็บออมเงินอย่างปลอดภัยหรือเก็บเงินตามลำพัง
- ลักษณะการออมของคนจนจึงไม่ได้เป็นไปทีละมาก ๆ แต่เป็นการออมทีละน้อย ๆ ไปจนถึงน้อยมาก ๆ
- การออมทีละน้อยนั้นแสดงให้เห็นถึงความมีวินัยทางการเงินที่สูง เพราะคนที่มีวินัยทางการออมเงินสูงมักดูได้จากความถี่ที่เขาออมเงินนั่นเอง
วิธีเก็บเงิน 1 เดือน
บางคนอาจจะมองว่าเก็บเงิน 1 เดือนง่ายๆเอง แต่จริงๆแล้ว การเก็บเงิน 1 เดือนนี้ก็จะต้องมีการตั้งเป้าหมาย และการกำหนดวิธีที่จะเก็บออมให้แน่นอน วิธีเก็บเงิน 1 เดือนมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
เลือกของ ฟรี และของถูก
- บางครั้งแทนที่เราจะเสียเงินสมัครฟิตเนสรายเดือนหรือรายปี ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายตามคลิป Youtube หรือไปวิ่งที่สวนสาธารณะก็สามารถสร้างสุขภาพได้แถมยังไม่ต้องใช้เงิน
- ส่วนการช้อปปิ้งและความบันเทิงอื่นๆ ก็ให้มองหาของฟรีและของถูกไว้ก่อน เช่น เลือกช้อปเสบียงทำอาหารในเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเริ่มติดป้ายลดครึ่งราคา
- ส่วนสาวๆ ที่มีของใช้ส่วนตัวต้องใช้เยอะกว่าผู้ชาย ก็ให้ช้อปเวลามีโปรโมชั่นหรือลดราคาจะดีกว่าซื้อช่วงราคาเต็ม
- สำหรับคนที่มีภาระผ่อนบ้านหรือคอนโด เมื่อครบกำหนดปรับดอกเบี้ยอย่าลืมมองหาช่องทางรีไฟแนนซ์
- เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้านคือหนทางที่ช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยลงได้อีกเยอะ
- เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เราประหยัดจากสิ่งเหล่านี้ก็คือเงินเหลือที่เราสามารถนำไปออมให้กลายเป็นเงินก้อนในแต่ละเดือนได้นั่นเอง
ทำงานบ้านด้วยตัวเอง
- การทำงานบ้านด้วยตัวเองจะเป็นวิธีเก็บเงินใน 1 เดือนได้ยังไง หลายคนอาจสงสัยใช่ไหม
- ความจริงก็คือเรามักจะไม่ค่อยสังเกตหรอกค่ะว่ารายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่เราใช้ซื้อความสะดวกสบาย เช่น การซักผ้าที่เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญหรือร้านสะดวกซัก การจ้างรีดผ้า หรือการจ้างบริการแม่บ้านนั้นรวมๆ แล้วเราต้องจ่ายเงินในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นแค่ไหน
- ถ้าเราลองเปลี่ยนจากการใช้บริการเหล่านั้นมาเป็นการทำงานบ้านด้วยตัวเอง และเลือกซักผ้าหยอดเหรียญเฉพาะเวลาจำเป็นอย่างการซักผ้าห่มนวมผืนใหญ่หรือผ้าปูที่นอน เท่านี้ก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บเพิ่มขึ้น
ทำงบประมาณสำหรับช้อปปิ้งเอาไว้ล่วงหน้า
- วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพราะเราไม่จำเป็นต้องมานั่งจดทุกสิ่งทุกอย่างที่เราซื้อ
- แต่หันมาใช้วิธีกำหนดงบประมาณรายจ่ายแต่ละเดือนเอาไว้ล่วงหน้า
- โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ เช่น ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ และค่าโทรศัพท์
- เมื่อตั้งงบประมาณสำหรับรายจ่ายประจำได้แล้วก็ให้ตั้ง “งบการออม” โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่กี่บาทต่อเดือน
- จากนั้นเหลือเงินเท่าไรก็ให้เราสบายใจได้เลยว่าสามารถใช้เงินจำนวนนั้นเที่ยวเล่นหรือใช้เพื่อความบันเทิงได้อย่างเต็มที่
เก็บเงินสัปดาห์ละ 500 บาท
- บางครั้งการเก็บเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียวอาจทำให้หลายคนทำใจยาก
- ส่วนการหยอดกระปุกทุกวันก็อาจได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจนทำให้คุณหมดกำลังใจ
- ลองเปลี่ยนมาเป็นการเก็บเงิน 500 บาททุกสัปดาห์ดูสิ เพราะแต่ละเดือนเราจะมีเวลาประมาณ 4-5 สัปดาห์
- การออมครั้งละ 500 จะช่วยให้เราไม่ต้องรับภาระหนักเกินไป แถมยังกระตุ้นให้เราอยากเก็บเงินเพิ่มให้ถึงเป้าหมายของเดือนนั้นด้วย
หักดิบเก็บเงินผ่านบริการหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติทุกเดือน
- เก็บเงินให้อยู่แบบไม่ต้องมานั่งนับเงินเอง นั่นก็คือการหักดิบ
- โดยให้เราเปิดบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำดอกเบี้ยสูงขึ้นใหม่อีกหนึ่งบัญชี จากนั้นทุกๆ วันที่เงินเดือนเข้าก็ให้ทางธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินเดือนไปเก็บไว้ที่บัญชีเงินออมทันที
- เท่านี้เราก็จะสามารถเก็บเงินได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว
วิธีเก็บเงิน 1 ปี
การเก็บเงิน 1 ปี บางคนออาจะเห็นว่าระยะเวลานานจัง กว่าจะเห็นผลลัพท์ แต่อาจจะคิดไม่ถึงว่าการเก็บเงินครบ 1 ปีนี้ถึงจะใช้เวลานาน แต่เราจะเห็นยอดเงินที่ทำให้เราชื่นใจกันเลย วิธีการเก็บเงิน 1 ปีมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
แบ่งบัญชีใช้งานให้ชัดเจน
- ถ้าอยาก เก็บเงิน 1 แสนบาท ให้ได้ ควรมีการแยกบัญชีให้ชัดเจนเลย
บัญชีตัวอย่าง
- บัญชีเงินเก็บห้ามใช้
- บัญชีเงินสำรอง
- บัญชีรายจ่ายจำเป็นแต่ละเดือน
- บัญชีค่าใช้จ่ายประจำ
- เพื่อให้เห็นจำนวนเงินที่เราสามารถใช้ได้จริงมากขึ้น และส่วนนี้จะทำให้เราเป็นหนี้ได้น้อยลงด้วย
การเก็บเงิน 1 แสนบาทเป็นรายวัน
- การเก็บเงินตามจำนวนวัน เป็นวิธีที่อาจเคยได้ยินกันมาแล้วบ้าง โดยให้เก็บตามจำนวนเพิ่มขึ้นตามวัน
- ยกตัวอย่างเช่น วันที่ 1 เก็บ 1 บาท วันที่ 2 เก็บ 2 บาท วันที่ 365 เก็บ 365 บาท ใน 1 ปี จะได้เงินประมาณเกือบ 70,000 บาทเลย แต่เก็บสูงสุดเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น
- บางคนอาจมีวิธีการใช้เงินวันละ 300 บาท ถ้าเหลือก็นำมาหยอดกระปุก ก็ถือว่าเป็นวิธีการเก็บเงินแสนบาท ที่ไม่กดดันตัวเองมากจนเกินไป
เก็บเงินวันละ 275-300 บาท
- เป็นอีกหนึ่งวิธีของการเก็บเงินรายวัน ถ้าคนที่มีฐานเงินเดือนค่อนข้างสูงหน่อย ก็อาจเก็บเป็นค่าแรงขั้นต่ำไปเลย
- ถ้าฐานเงินเดือนไม่ได้สูงมากก็อาจจะหาเป็นรายได้เสริมเพื่อให้จำนวนเงินมีมากขึ้น หรือแบ่งครึ่งเพื่อเก็บก็ได้ ถึงระยะเวลาอาจจะนานขึ้นหน่อย
- เราได้เริ่มลงมือทำและทำอย่างต่อเนื่อง การเก็บเงิน 1 แสนบาทก็จะอยู่ไม่ไกลแล้ว
การเก็บเงินแบบรายเดือน
- บางคนการเก็บเงินรายวันอาจจะไม่ใช่ทาง หรือไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะอาจจะเก็บถี่เกินไป ให้ลองเปลี่ยนมาแบ่งเก็บเป็นรายเดือนแทน
- ถ้าเป้าหมายคือ เก็บเงินแสน จะต้องแบ่งเก็บประมาณเดือนละ 8,400 บาท อาจจะนำไปฝากธนบัตรรัฐบาล กองทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินให้เพิ่มขึ้น
- บางคนน่าจะเคยเก็บกันเยอะ แบ่ง 10%-20% ของเงินเดือน อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเราก็ได้ตั้งใจเก็บ เมื่อทำต่อเนื่องเรื่อย ๆ เงินก็จะมีมูลค่าเพิ่มถึง 1 แสนบาทได้
ลดการซื้อของที่ยังไม่จำเป็น
- เชื่อว่าเวลาต้องการซื้ออะไรสักอย่างทุกคนต้องคิดก่อนซื้อ และต้องเลือกที่ดีที่สุด ว่าของนั้นๆเราจำเป็นต้องใช้ไหม
- อาจจะมีบางอย่างที่เกินความจำเป็นก็ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ ถ้ายังใช้งานได้ดีปกติ ก็ของให้ลองทบทวนดูก่อนว่า จำเป็นจริงๆไหม จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนคิดจะซื้อ
ประโยชน์การออมเงิน
การออมเงิน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งต่อผู้ออม และคนในครอบครัว ซึ่งประโยชน์ของการออมเงินมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
-
ลดการผันผวนของการใช้จ่ายและเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
- โดยที่ไม่กระทบในส่วนของรายได้หรือค่าใช้จ่ายหลักอื่นของตัวเองและครอบครัว
- ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนมักจะนิยมออมเงินไว้เผื่ออนาคตเกิดมีเหตุฉุกเฉินทางด้านการเงินต่าง ๆ เช่น การขาดทุนจากธุรกิจ เก็บไว้ใช้เมื่อยามขาดรายได้ ตกงานหรือมีเรื่องต้องใช้เงินก้อนใหญ่แบบไม่คาดคิด
-
ความมั่นคงในชีวิต
- สำหรับการออมเงินคนส่วนใหญ่จะมีแผนการใช้เงินล่วงหน้าและจุดประสงค์ที่ชัดเจนสำหรับการออมเงิน เป็นประโยชน์ต่อตัวเราและคนในครอบครัวทั้งสิ้น
- โดยส่วนใหญ่ที่นิยมวางแผนการเก็บออมเงินล่วงหน้า เพื่อการใช้จ่ายยามเกษียณอายุ หรือยามแก่ตัวลง การออมเพื่อการศึกษาของตัวเอง หรือคนในครอบครัว
-
สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ
- เมื่อมีเงินออมที่มากพอสมควร เราก็สามารถไว้วางใจได้ว่า ในอนาคตภายภาคหน้าจะมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน หรือค่าใช้จ่ายเมื่อยามแก่ตัวลง
- ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ และมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยทุ่มแรงลงทุนทำงานหนักเหมือนอย่างตอนที่ยังไม่มีเงินเก็บ
-
ไม่เป็นภาระของลูกหลาน
- แน่นอนว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มีผู้สูงอายุหลายคนที่ต้องให้ลูกหลานมาคอยดูแลในเรื่องต่าง ๆ
- แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากเรามีเงินออมเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ให้เป็นภาระของลูกหลาน เพราะแต่ละคนย่อมมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป
- ซึ่งหากเรามีเงินเก็บออมเราจะสามารถนำเงินนั้นมาใช้จ่ายในยามเจ็บป่วยหรือในยามที่จำเป็น ไปจนถึงการช่วยเหลือลูกหลานในยามเดือดร้อนอีกด้วย
-
เป็นเกราะเพิ่มความมั่นคงในอนาคต
- การมีเงินออมจำนวนหนึ่งถือได้ว่าเป็นเกราะพื้นฐานป้องกันเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
- ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยจากปัญหาสุขภาพ หรือธุรกิจประสบปัญหา จนขาดสภาพคล่องทางการเงิน
- ซึ่งการเก็บออมเงินจะทำให้คุณเบาใจได้ว่า หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ เหล่านี้ คุณจะไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะสามารถใช้เงินเก็บของคุณเพื่อให้ก้าวผ่านปัญหานี้ได้
สรุป
- เงินออมถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจภายในประเทศของเรามีความเจริญก้าวหน้าได้มากยิ่งขึ้นและทำให้ชีวิตในอนาคตของเราสบายมากขึ้น
- โดยการมีเงินออมในปริมาณที่สูง จะช่วยให้อนาคตของเราดำเนินไปแบบไม่เครียด และไม่เดือนดร้อนผู้อื่น
- ซึ่งแน่นอนว่า เงินออมส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในการลงทุนภาคธุรกิจ ไปจนถึงการสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อช่วยลดปัญหาการพึ่งพาต่างประเทศ
เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี
การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้