ปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะชอบเก็บเงินเพื่อเอามาลงทุน แต่บางคนไม่รู้ว่า มีเงินแล้วจะเอาไปลงทุนกับอะไรดี ซึ่งในยุคนี้ก็มีรูปแบบการลงทุนมากมาย เช่น หุ้น หลักทรัพย์เช่าซื้อ กองทุนรวม หนี้การลงทุน อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนในเศรษฐกิจอนาคต เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้ลงทุน
ในบทความนี้ จึงนำเรื่อง มีเงิน 500000 ลงทุนอะไรดี 2566 งบลงทุนธุรกิจที่ทำกำไร เข้ามาก่อนได้เปรียบ มาให้ผู้ที่ไม่รู้ว่ามีเงินแล้วจะไปลงทุนอะไรดีได้เรียนรู้และศึกษาจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยจ้า
การลงทุนคืออะไร
การลงทุน (Investment) คือการใช้เงินของคุณในการซื้อสินทรัพย์ใดๆ เพื่อประมาณการผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งอาจเป็นแหล่งการปรับปรุงความมั่งคั่ง และการเพิ่มสินเชื่อในการลงทุน คุณควรพิจารณาตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ รวมถึงการวางแผนประสบการณ์การลงทุน เป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่คาดหวัง
- ถ้าต้องการลงทุนให้เริ่มต้นที่ การออม ก่อน ซึ่งเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ตนเองในการทยอยเก็บเงินทีละเล็กละน้อยให้มีจำนวนพอกพูนขึ้น
- เมื่อเวลาผ่านไปในรูปแบบที่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไว้ โดยผลตอบแทนจากเงินออมอาจไม่ได้สูงมากนัก
- เมื่อสามารถเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง จึงค่อยเริ่มลงทุน ด้วยการแบ่งเงินก้อนส่วนหนึ่งไปลงทุนในผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุน เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม Exchange Traded Fund หรือ ETF สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและทางเลือกในการลงทุนอื่น ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้นกว่าการออม
- แต่มีข้อควรคำนึงคือ ผู้ลงทุนต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนนั้น ๆ ได้ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้น
มีเงิน 500000 ลงทุนอะไรดี
เมื่อพอเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่งหลายคนคงคิดว่าจะนำเงินก้อนนั้นมาต่อยอด ให้มีเงินเพิ่มพูนขึ้นได้ยังไง แล้วมีเงิน 500,000 ลงทุนอะไรดีใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไรดีในปี 2566 นี้ เราไปดูพร้อมๆกันเลย
ลงทุนเงิน กับการฝากประจำ
- วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย บัญชีเงินฝากประจำ หรือ Fixed deposit account
- ช่วยให้ผู้ฝาก ได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ธรรมดาทั่วไป แต่จะมีเงื่อนไขในการฝากเงินที่มากกว่า โดยมักกำหนดระยะเวลาการฝากถอนที่แน่นอน มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.4% ต่อปี แล้วแต่เงื่อนไขการฝาก
ระยะเวลาการฝากถอน
- ระยะเวลา 3 เดือน
- ระยะเวลา 6 เดือน
- ระยะเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี
- โดยปกติแล้วหากมีระยะเวลาในการฝากที่นาน ผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าฝากประจำในระยะสั้นๆ
- กรณีถอนเงินก่อนกำหนด มักมีเงื่อนไขปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเหลือเท่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป
ลงทุนเงิน กับการทำธุรกิจส่วนตัว
- ถ้าคุณมีเงินสักก้อนสำหรับการลงทุนเพื่อเปิดธุรกิจส่วนตัว บอกเลยว่า 500,000 บาท สามารถใช้เริ่มต้นอะไรๆ ได้สบายเลยทีเดียวเชียว
- ซึ่งผลตอบแทนของการทำธุรกิจ ก็จะมาจากรายได้ หักด้วยค่าใช้จ่ายของกิจการนั่นเอง
- แม้จะมีทุนอยู่เยอะ การเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงิน 500,000 บาท ก็ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะการลงทุนในธุรกิจถือว่ามีความเสี่ยงอยู่มาก
ธุรกิจส่วนตัวมีอะไรบ้าง
- ขายของออนไลน์
- ขายอาหารและเครื่องดื่ม
- ขายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
- ลงทุนกับธุรกิจ แฟรนไชส์
- ปัจจุบันการเริ่มต้นธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก คุณอาจจะใช้เครื่องมือทางออนไลน์ ที่ไม่ต้องเสียเงินอย่างการขายของ หรือแนะนำสินค้าและบริการของคุณผ่าน Facebook หรือ Instagram
- เริ่มต้นอาจจะเริ่มลงทุนเพียงหลักหมื่น แล้วค่อยๆ ใช้เงินทุนที่เหลือในการหมุนเวียนในธุรกิจไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการค่อยๆ ประเมินความเสี่ยง และความเป็นไปได้ของธุรกิจ
ลงทุนเงินด้วยการเล่นหุ้น
- สำหรับใครที่ไม่อยากลงมือทำธุรกิจด้วยตัวเอง การลงทุนในตลาดหุ้น ก็เป็นอีกทางเลือกที่หลายคนสนใจ
- การเล่นหุ้น หรือการลงทุนในหุ้น คือ การซื้อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น หลัก ๆ มี 2 ประการ
- Capital Gain หรือกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เราซื้อมากับราคาที่เราขายไป
- เงินปันผล (Dividend) หรือเงินส่วนแบ่งผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีที่นำมาจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้น
- สำหรับการลงทุนในหุ้น นักลงทุนจะต้องเปิดบัญชีหุ้นกับโบรกเกอร์ หรือที่เรียกกันว่า เปิดพอร์ต กันก่อนนั่นเอง
- การลงทุนในหุ้น ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนไม่แน่นอน และไม่สม่ำเสมอ ใครที่สนใจลงทุนด้วยเงินทั้ง 500,000 ที่มี อาจต้องทำการศึกษา และจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนของตนเองให้ดี
ลงทุนเงินในกองทุนรวม
- กองทุนรวม ถือเป็นทางเลือกของคนที่ยังไม่มั่นใจในการลงทุนของตัวเอง กองทุนรวมก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี
- แม้อาจจะไม่ได้มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูดเท่าการลงทุนในหุ้นด้วยตัวเอง แต่ก็สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่า เพราะมีการกระจายการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญ
- โดยมีกองทุนรวมที่หลากหลาย ทั้งกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ที่จะมีผู้บริการกองทุนที่มีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนของ บลจ. ในการนำเงินทุนของเราไปกระจายลงทุน และจ่ายคืนผลตอบแทนให้ตามเงื่อนไขที่กองทุนแต่ละกองระบุไว้นั่นเอง
ประเภทของกองทุนรวม
- กองทุนรวมตลาดเงิน
- กองทุนรวมตราสารหนี้
- กองทุนรวมผสม
- กองทุนรวมตราสารทุน
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
ลงทุนในตลาดสินเชื่อหุ้นค้ำประกันออนไลน์
- ทางเลือกการลงทุน ที่ช่วยคุณกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตลาดสินเชื่อหุ้นค้ำประกันออนไลน์ Moneywecan เป็นทางเลือกการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย หรือนิติบุคคล ที่ต้องการลงทุนในรูปแบบ Debt Crowfunding
- โดยระดมทุนให้กับบุคคลทั่วไปที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเสนอขอกู้เงินบนแพลทฟอร์ม ตลาดสินเชื่อออนไลน์ หลายร้อยราย ที่ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- ยังมีระบบการกระจายความเสี่ยงอัตโนมัติ ช่วยจำกัดความเสี่ยงการลงทุนของนักลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
แน่นอนว่าการลงทุนทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะมีเงินเริ่มต้นลงทุน 100,00 บาท หรือ 500,000 บาท หากไม่มีการวางแผนการลงทุน และบริหารความเสี่ยงในการลงทุนของตัวเองให้ดี จะเงินมาก หรือน้อย ก็อาจหายวับไปในพริบตาได้ ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง ก็คือ การกระจายความเสี่ยง และการรักษาเงินต้นไว้
ในบทความนี้อาจจะมีการลงทุนที่น่าสนใจ และทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุนหลายๆท่าน เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น และต้องมีการควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย
ลงทุนอะไรดี ความเสี่ยงน้อยและเงินต้นยังอยู่ครบ
บางคนที่อยากลงทุนแต่ไม่อยากให้เสียเงินต้นที่นำไปลงทุนไว้ และไม่รู้ว่าจะลงทุนกับอะไรดีเพื่อให้เงินต้นของตัวเองยังอยู่ เราไปดูพร้อมกันในตารางด้านล่างนี้เลย
ตารางแสดงสินทรัพย์ทางการเงินที่ลงทุนแล้วเงินต้นยังอยู่
ลงทุนกับสินทรัพย์ทางการเงินที่เงินต้นยังอยู่
ประเภทการลงทุน | ความเสี่ยง | ผลตอบแทน |
พันธบัตรรัฐบาล | ต่ำมาก | ตัวอย่างเช่น รุ่นออมไปด้วยกัน อายุ 5 ปี เฉลี่ย 2.1 % ต่อปี อายุ 10 ปี เฉลี่ย 3% ต่อปี |
บัญชีเงินฝาก | ต่ำ ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก | เงินฝากประจำ 12 เดือน = 0.4 – 1.0 % เงินฝากประจำปลอดภาษี 24 เดือน = 1.1 – 2% |
สลากออมทรัพย์ | ต่ำ ได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาลโดยตรง | ได้รับดอกเบี้ยหากฝากครบตามกำหนดเวลา มีสิทธิถูกรางวัลทุกเดือน |
หุ้นกู้ | ปานกลาง มีความเสี่ยงสูญเสียเงินต้นหากบริษัทล้มละลาย | ขึ้นอยู่กับการจัดลำดับความเชื่อถือ |
กองทุน | ต่ำถึงสูงขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่กองทุนเลือกลงทุน | ขึ้นอยู่กับประเภทหลักทรัพย์ที่กองนำไปลงทุน |
หุ้นบริษัทขนาดใหญ่เน้นปันผล | สูง ต้องมีความรู้ความเข้าใจในกิจการที่กำลังจะลงทุน | ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและสภาวะตลาด |
การลงทุนข้างต้นจะต้องลงทุนระยะยาวเท่านั้นถึงจะรักษาเงินต้นได้
- ผลตอบแทนในตารางเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางผู้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
- การลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภทมีความเสี่ยงแนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
ปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนแบบไหน
เวลาที่ใช้ในการลงทุน
- สำหรับการลงทุนด้วยตัวเองเราอาจจะต้องการเวลาในการศึกษาและติดตามการลงทุนค่อนข้างมากในระดับหนึ่ง และการลงทุนเองถ้าทำได้ดีผลตอบแทนอาจจะมากกว่าการให้มืออาชีพบริหารให้ แต่ก็มีโอกาสผิดพลาดได้มากกว่าเช่นกัน
- สำหรับคนที่ต้องทำงานประจำหรือว่าต้องทำธุรกิจที่อาจจะไม่ได้มีเวลาศึกษาการลงทุนด้วยตัวเองมากอาจจะใช้บริการของมืออาชีพ
บริการของมืออาชีพ
เช่น
- บลจ. ย่อมาจาก “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน”
- บลน. ย่อมาจาก “บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน”
ความรู้และความสนใจในการลงทุนของเรา
- สำหรับการลงทุนด้วยตัวเองเราอาจจะต้องมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องหลักการลงทุนแบบต่าง ๆ และเลือกว่าแบบไหนที่ตรงกับเราและเลือกลงทุนตามแบบนั้น
- หากเราไม่ได้ชอบเรื่องการลงทุน แต่ว่าเห็นว่าการลงทุนก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เราอาจจะให้มืออาชีพบริหารให้ก็ได้
งบลงทุนธุรกิจที่ทำกำไรมีอะไรบ้าง
งบลงทุนธุรกิจที่มีกำไร อาจประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ รายได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และรายได้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในเวลาเดียวกัน และคำนวณด้วยการลบรายจ่ายออกจากรายได้ และใช้เป็นตัวบ่งชี้ในการวิเคราะห์การดำเนินธุรกิจและการวางแผนในอนาคต ยกตัวอย่างธุรกิจที่ทำกำไรในปัจจุบันมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม
ปัจจัยสนับสนุน
- การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้ความต้องการใช้บริการด้านการแพทย์เพิ่มสูงขึ้น
- การดูแลเรื่องของความสวยงาม และผิวพรรณของคนในปัจจุบันมีมากขึ้น
- การกลับมาให้บริการเต็มรูปแบบของธุรกิจ Health & Wellness
- ไทยมีสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI มากถึง 59 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกับค่าครองชีพและค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน
- จากนโยบายการเปิดประเทศคาดว่าท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) จะเริ่มทยอยกลับมาเข้าใช้บริการได้
ปัจจัยเสี่ยง
- สถานการณ์ด้านรายได้ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อลดลง
- กำลังซื้อในประเทศที่ถูกกดดันมากขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งอาจกระทบต่อการตัดสินใจใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้บริโภค
- ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงมาตรการควบคุมราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ ที่ยังคงเป็นข้อจำกัดส่งผลให้ธุรกิจเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ได้
ธุรกิจ E-Commerce
ปัจจัยสนับสนุน
- ผู้บริโภคมีพฤติกรรมปรับลดการใช้จ่ายผ่านหน้าร้าน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างซุปเปอร์ต่าง ๆ มาเป็นการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชม.มากขึ้น และมีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย
- ต้นทุนในการทำการซื้อขายผ่านออนไลน์มีต้นทุนที่ต่ำ ทำให้ระดับราคาสินค้าต่ำกว่าหน้าร้าน
- ผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจ e-Commerce มากขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีแนวทางการเลือกสินค้าได้ และมีรูปแบบการส่งเสริมการขายที่หลากหลาย
- การขยายตัวของชุมชนเมืองและการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง หนุนความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภค
- การรีวิวสินค้าของบุคคล (ดารา, Youtuber และ Influencer) ที่มีชื่อเสียงและลูกค้าเคยใช้สินค้า
ปัจจัยเสี่ยง
- ภาวะเงินเฟ้อส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากกว่าเดิม
- ปัญหาการหลอกขายสินค้า ไม่แสดงราคากำกับ และสินค้าไม่ได้คุณภาพ
- การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทั้งจากคู่แข่งเดิมและคู่แข่งรายใหม่ และกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัว
- การแข่งขันทางด้านราคา ทำให้กำไรของธุรกิจค่อนข้างต่ำสวนทางกับต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อที่ขยายตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน
- ระบบโลจิสติกส์หรือการจัดส่งสินค้าที่อาจล่าช้าและมีต้นทุนที่สูงขึ้น
ธุรกิจ Social Media และ Online Entertainment
ปัจจัยสนับสนุน
- ประชาชนรับชมภาพยนตร์และรายการต่างๆ ผ่าน Streaming Platform มากขึ้น
- การเพิ่มขึ้นของช่องทางในการสื่อสาร โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ตลอด 24 ชม.
- การเพิ่มขึ้นของการโปรโมทโฆษณาผ่าน Social Influencer อาทิเช่น Net-Idol หรือ Youtuber
- ธุรกิจขนาดเล็ก-ใหญ่ หันมาโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
- พฤติกรรมการรับชมสื่อผ่าน Application เพิ่มขึ้น
- พฤติกรรมการเล่น Social Media เพิ่มขึ้น
- กระแสเทคโนโลยีเมตาเวิร์สที่เริ่มเข้ามามีบทบาทกับวงการสื่อและสิ่งบันเทิง
ปัจจัยเสี่ยง
- ผู้บริโภคบางส่วนไม่สามารถเข้าถึงสื่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เนื่องจากใช้อุปกรณ์ไม่เป็น
- การแข่งขันที่รุนแรงในช่องทีวีดิจิทัล
- ข้อจำกัดในการเข้าถึงระบบอินเตอร์ของผู้บริโภคบางส่วน
- การเติบโตของรายจ่ายด้านโฆษณา อ้างอิงเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังฟื้นตัว
- การเปลี่ยนแปลงของการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
- โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และโครงข่ายต่างๆ ที่ยังไม่ครอบคลุม
ธุรกิจด้าน Fintech และการชำระเงินฝากระบบเทคโนโลยี
ปัจจัยสนับสนุน
- มีความหลากหลายทางธุรกรรมการเงิน เช่น การชำระค่าสินค้า การใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตและเครดิต การให้สินเชื่อผ่านระบบโมบายแบงก์กิ้งสำหรับการช๊อปปิ้งออนไลน์ การให้กู้ยืมระหว่างกัน หรือจะเป็นด้านการลงทุน
- นโยบายการละเว้นค่าธรรมเนียมทางการเงิน การโอน การชำระเงิน
- การพัฒนาแหล่งการชำระเงินตามร้านค้าดั้งเดิม ร้านค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการที่มีการชาระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น
- พฤติกรรมการชำระเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์มีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
- รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะการออกมาตรการช่วยเหลือ ผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง“ และนโยบายกระตุ้นการบริโภคต่างๆ
ปัจจัยเสี่ยง
- ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความปลอดภัยในการให้บริการผ่านแฟลตฟอร์มของธนาคาร
- ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Hacker) ที่เพิ่มสูงขึ้นตามพัฒนาการเทคโนโลยี
- การหลอกลวงนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางที่มิชอบ
ธุรกิจงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า งาน Event
ปัจจัยสนับสนุน
- หลังการเปิดประเทศ ทำให้งานคอนเสิร์ตมหกรรมจัดแสดงสินค้า, Event สินค้า และช่วยฟื้นฟูธุรกิจ MICE กระเตื้องขึ้น โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคัก
- การเพิ่มขึ้นของช่องทางในการสื่อสาร โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ที่สามารถรับชมได้ตลอด 24 ชม.
- ภาครัฐสนับสนุนการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้าสามารถดึงเม็ดเงินจากนักธุรกิจต่างชาติและเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ปัจจัยเสี่ยง
- การจัดประชุมแบบออนไลน์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายหน่วยงานหลายธุรกิจ งานนิทรรศการ รวมถึงงานแสดงสินค้าหันมาใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง
- ต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น
- ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ยังคงมีความเสี่ยงในหลายด้าน
ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ Youtuber การรีวิวสินค้า และ Influencer
ปัจจัยสนับสนุน
- พฤติกรรมในการติดตามสื่อของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป
- การเพิ่มขึ้นของช่องทางในการสื่อสาร โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ที่สามารถรับชมได้ตลอด 24 ชม.
- การเพิ่มขึ้นของการโปรโมทโฆษณาผ่าน Social Influencer เช่น Net-Idol หรือ Youtuber
- กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายของธุรกิจผ่าน Application มีเพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
- กฎระเบียบ กฎหมายต่างๆ ที่ไม่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ
- เมื่อเกิดความผิดพลาดหรือเป็นโทษต่อผู้บริโภค ธุรกิจอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการ
- ธุรกิจมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเรื่องราคาหรือการให้โปรโมชั่น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจและได้กำไรในปัจจุบันที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายขึ้น
ลงทุนอะไรดี เข้ามาก่อนได้เปรียบ Pantip
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะชอบสอบถามความคิดเห็นเรื่องๆจากผู้อื่นโดยการตั้งกระทู้คำถามใน เว็บไซต์ Pantip เพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ในบทความนี้เราจึงนำกระทู้ที่ ว่าลงทุนอะไรดีเข้ามาก่อนได้เปรียบ มาให้ดูความคิดเห็นกัน แต่จริงๆแล้วใน Pantip ยังไม่มีท่านได้มาตั้งกระทู้นี้ เราจึงนำกระทู้การตั้งเป้าการลงทุนในปี 2566 มาให้ได้ศึกษาความเห็นกัน ไปดูกันเลย
กระทู้ Pantip
Cr : ขอบคุณภาพประกอบ
หัวข้อกระทู้
- ปีใหม่2566 ตั้งเป้าการลงทุนยังไงกันบ้างครับ
รายละเอียดกระทู้
- สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆทุกท่าน เปิดปีมาน่าจะมีการตั้งเป้าการลงทุนกัน เช่น ปีนี้น่าจะ +20%, 50% บางท่านพอร์ตใหญ่อาจตั้งเพียง 10% ก็สบายแล้ว บางท่านขอแค่ชนะตลาดก็สบายแล้ว บางท่านตั้งเป็นตัวเงิน passive income เดือนละ 50,000 แล้วจะเลิกเป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นต้น แล้วเพื่อนๆตั้งเป้าการลงทุนกันยังไงบ้างครับในปีนี้ แล้วมีการปรับวิธีการลงทุนยังไงบ้างครับ
ความคิดเห็นที่ 1
- สำหรับผมเป้าหมายปันผลเฉลี่ยจาก 25,000 บาท/เดือน เป็น 30,000 บาท/เดือน
ต้องหาหุ้นหวีปันผลดีๆ เข้าพอร์ทสัก 3 ตัว
ความคิดเห็นที่ 2
- ขอให้ได้เงินปันผลรวม > 1 ล้านบาท
น้อยกว่าปี 2565 ประมาณ 7 แสนบาท
* ประมาณการจาก หุ้นเหล็ก จะไม่จ่ายเงินปันผล
และได้ขายหุ้น msc ทำกำไร ไป 650,000 หุ้น (ยังไม่ได้ซื้อหุ้นตัวไหนแทน เพื่อเพิ่มเงินปันผล)
ความคิดเห็นที่ 3
- ขอพอร์ทโตขึ้น 10%
ความคิดเห็นที่ 4
- ทุกปีก็ตั้งไว้เหมือนเดิมครับคือ
-ตั้งใจเก็บเงินขั้นต่ำ20%จากรายได้มาลงทุน โดยใช้วิธีเติมเงินเข้าพอร์ตไว้เลย แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นทันที (ส่วนตัวชอบวิธีนี้เพราะเวลาเติมเงินเข้าพอร์ตแล้วจะไม่โอนกลับเข้าบัญชี ทำให้ป้องกันการใช้เงินไปเรื่อยได้ดีครับ)
-ลงทุนอย่างระมัดระวัง รอบคอบ โดยยึดหลักว่ากฎข้อแรกคืออย่าขาดทุน กฎข้อสองคือย่าลืมกฎข้อแรก
-หาหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสมโดยใช้การประเมินมูลค่าอย่างอนุรักษ์นิยม และรอเวลาที่นายตลาดเหวี่ยงราคานั้นมาให้ แล้วเข้าซื้อ
-มีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวไปกับตลาดที่ผันผวน
ในส่วนของเงินปันผลไม่ได้ตั้งไว้ว่าต้องได้กี่% คาดหวังให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดี มีกำไรที่มีคุณภาพ จะจ่ายมากน้อยไม่สำคัญครับ
ส่วนของcapital gainก็เอาแค่ให้พอร์ตรวมบวก15-30%ก็โอเคแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 5
- ซื้อหุ้นรับปันผลไว้ลดหย่อนภาษีได้อีกทางหนึ่ง
ทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นไว้บ้างช่วงหุ้นขึ้น
นำกำไรบางส่วนบริจาคไว้ลดหย่อนภาษี
นำดอกเบี้ยเงินฝากบางส่วนไปทำบุญที่วัดตามโอกาสต่างๆ
พยายามใช้จ่ายโดยการสแกนจ่ายหรือจ่ายผ่านบัตรรับแต้มไว้บริจาคออนไลน์
นำเงินจากภาษีคืนไปซื้อหุ้น(กลับบรรทัดแรก)
และนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างข้อกระทู้กระทู้หนึ่งที่ส่วนใหญ่แล้วความคิดเห็นในเรื่องการลงทุนในปี 2566 นั้นจะมุ่งเน้นไปในทางการลงทุนกับ หุ้น และกองทุน ซึ่งนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างความเห็นบางส่วนเท่านั้นหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับการตัดสินใจลงทุนในปีนี้แน่นอน
รูปแบบในการลงทุนมีอะไรบ้าง
การลงทุนเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่ก็ยังมีนักลงทุนมือใหม่หลายคนยังไม่เข้าใจ กองทุนที่สนใจหรือกำลังลงทุนอยู่มีรูปแบบการลงทุนอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลย
-
การลงทุนเชิงรุก (Active)
- การลงทุนเชิงรุกมีหลักการง่ายๆ คือทำให้ได้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด สร้างความได้เปรียบเหนือความผันผวนที่เกิดในระยะเวลาสั้น
- เป็นวิธีที่ต้องใช้การวิเคราะห์และความเชี่ยวชาญเพื่อปรับเปลี่ยน หุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ใดๆ ก็ได้ผลตอบแทนสูงในระยะสั้นและระยะยาวตามที่ตั้งเป้าไว้
- สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนเชิงรุกคือความรวดเร็ว ความมั่นใจ เพราะต้องรู้ว่าเวลาไหนควรซื้อ เวลาไหนควรขาย สามารถทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง รวมถึงถึงไม่เสียกำลังใจ
จุดเด่น
- การลงทุนรูปแบบนี้ให้ความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ในพอร์ตได้ทันที ไม่ต้องใช้เวลาวัดผลนาน และการลงทุนแบบนี้สามารถหลีกเลี่ยงการเสียเงินทุนได้สะดวกว่า
ความท้าทาย
- การลงทุนเชิงรุกจะมีความเสี่ยงที่สูง เพราะถึงแม้จะมีการหาข้อมูล วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ตรงตามเป้าหมายแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำ 100% อาจทำให้สูญเสียเงินต้นได้
-
การลงทุนเชิงรับ (Passive)
- หลักการการลงทุนเชิงรับคือการลงทุนระยะยาว จำกัดปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ภายในพอร์ต
- ซึ่งรูปแบบการลงทุนเชิงรับเหมาะกับการลงทุนด้วยต้นทุนจำกัดให้ได้ประสิทธิภาพ โดยเน้นค้นคว้าข้อมูล ดูความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ต้องการ จากนั้นก็ซื้อแล้วถือยาว
- หลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนตามข่าวสารหรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ
- สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนเชิงรับคือ ควรหลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ในพอร์ต แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของตลาดจะส่งผลให้อยากทำการซื้อขายเพิ่มก็ตาม
จุดเด่น
- มีค่าใช้จ่ายน้อย การไม่ซื้อขายสินทรัพย์บ่อยๆ ก็ส่งผลดีตรงที่ มีค่าธรรมเนียมน้อย แม้ในปัจจุบันจะไม่ได้มีการเก็บค่าธรรมเนียมจริงจังก็ตาม
ความท้าทาย
- ให้ผลตอบแทนไม่สูงมาก ซึ่งก็เป็นไปตามสภาพตลาด อาจจะได้มากกว่าในบางช่วงจังหวะ แต่โดยมากแล้วจะไม่ได้สูงจนเป็นนัยสำคัญ
-
การลงทุนเน้นเติบโต (Growth Investment)
- หลักของการลงทุนแบบเน้นเติบโตคือ ผลกำไร รายได้ หรือศักยภาพที่ราคาสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นในอนาคต มากกว่าการเลือกสินทรัพย์ที่ราคาถูก
- โดยมากการลงทุนเน้นเติบโตจะเน้นไปที่หุ้นหรือสินทรัพย์ที่มี P/E และ P/B สูง
- สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนเน้นเติบโตคือ บริษัทที่มีโอกาสเติบโตชัดเจนด้วยผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่จัดได้ว่าเป็นนวัตกรรม เป็นสิ่งใหม่ โดยเฉพาะบริษัทสายเทคโนโลยีต่างๆ ที่เติบโตรวดเร็ว
จุดเด่น
- การลงทุนเน้นเติบโตสิ่งที่จะได้คือ มีโอกาสสร้างผลกำไรหรือศักยภาพที่ราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคต มากกว่าสินทรัพย์สายเน้นคุณค่า
- หากเลือกสินทรัพย์ถูกตัวก็อาจจะทำกำไรได้ในช่วงเวลาที่สั้นมาก เช่นเป็นช่วงที่บริษัทที่ลงทุน คิดค้นผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่ยกระดับเหนือคู่แข่งได้
ความท้าทาย
- มักจะไม่ได้รับเงินปันผลจากธุรกิจที่กำลังเติบโต เพราะบริษัทมักจะนำเงินได้ไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อต่อยอด หรือขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าเดิม
-
การลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investment)
- สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่าต้องมีความเข้าใจและสามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้ และต้องเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาว และอดทนรอการเติบโตของสินทรัพย์ได้
- สิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนเน้นคุณค่า หรือ VI คือ การเลือกหาหุ้นบริษัทที่ มีพื้นฐานกิจการดีพร้อมมีคนซื้อสินค้าหรือบริการของบริษัท เติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ ราคาหุ้นไม่แพง
จุดเด่น
- สินทรัพย์หรือหุ้นที่เน้นคุณค่าจะมีการจ่ายปันผลที่ต่อเนื่อง และสอดคล้องกับการเติบโตของกิจการ การถือสินทรัพย์ยิ่งยาวก็จะยิ่งเห็นกราฟที่ค่อยไต่ขึ้นสูง
ความท้าทาย
- การเลือกสินทรัพย์ต้องใช้ความเข้าใจสูง เนื่องจากบริษัทใหญ่บางแห่งแม้จะมีมูลค่าบริษัทสูง แต่ก็มาถึงทางตัน ไม่สามารถขยายกิจการเพิ่มได้
- การลงทุนแนวนี้ต้องใช้เวลานาน อาจไม่เหมาะกับคนที่ใจยังไม่นิ่งพอ
คิดจะลงทุน ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง
การรู้จักสินทรัพย์การลงทุนประเภทต่างๆ ว่ามีความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นเช่นไร ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของเราหรือไม่ รวมไปถึงมีความรู้ ในภาวะเศรษฐกิจ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเราได้ ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุน จะต้องรู้เรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลย
-
เป้าหมายการลงทุน
- เราต้องรู้ว่า เป้าหมายในการลงทุนของเราคืออะไร เช่น รักษาเงินต้นให้ปลอดภัย เพิ่มมูลค่าของเงินอย่างน้อยให้ชนะเงินเฟ้อ เพื่อรักษาอำนาจซื้อ หรือเพื่อให้เงินงอกเงยเติบโต
- เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการศึกษาของบุตร เพื่อการเกษียณอายุ เป็นต้น
-
อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ต้องการ
- ในการบรรลุเป้าหมายการลงทุนนั้นๆ เป็นเท่าไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า เรามีเงินลงทุนเบื้องต้นอยู่เท่าใด มีระยะเวลาการลงทุนนานหรือไม่ และเรามีเงินที่จะสามารถออมเพิ่มเพื่อนำมาลงทุนเพิ่มได้หรือไม่
-
ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง และความยินดีในการรับความเสี่ยง
- ซึ่งสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกัน โดยปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการรับความเสี่ยง เช่น อายุ รายได้ และระยะเวลาการลงทุน
- ในขณะที่ความเต็มใจในการรับความเสี่ยง คือ ทัศนคติ ความชอบหรือความสนใจในสินทรัพย์ลงทุนแต่ละประเภท
-
รู้จักและเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุน
- เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองสนใจในสินทรัพย์ลงทุนประเภทใด ควรถามตัวเองก่อนลงทุนว่า มีความเข้าใจในสินทรัพย์นั้นมากน้อยเพียงใด ทั้งผลตอบแทน ความเสี่ยง วิธีการซื้อขาย
- หากยังไม่รู้หรือไม่แน่ใจ ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ลงทุนประเภทนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน
ทำไมความเสี่ยงในการลงทุนจึงสำคัญ
ความเสี่ยงในการลงทุนสำคัญเพราะมันเป็นตัวบ่งชี้ว่าโอกาสที่จะเสียเงินของผู้ลงทุน ในการลงทุนใดๆ เสี่ยงและผลประกอบการไม่แน่นอน ดังนั้น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงและวิเคราะห์อย่างละเอียดในการตัดสินใจลงทุน
- ความเสี่ยงหมายถึงระดับความไม่แน่นอน และ/หรือผลขาดทุนทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจลงทุน กล่าวคือ เป็นการนำเงินไปลงทุนโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ต้องการหรือไม่ หรืออาจจะกลายเป็นความเสียหายที่เกินกว่าระดับที่คาดไว้
- ถ้าอย่างนั้นจะเสี่ยงลงทุนไปทำไม แทนที่จะเก็บเงินเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าความเสี่ยงอาจช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นก็ได้
- หากคุณต้องการให้เงินลงทุนงอกเงย ลองหัดทำความคุ้นเคยกับความเสี่ยงดู แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่คุณได้รับจะอยู่ในระดับไหนนั้น ตัวคุณนั่นแหละที่เป็นคนกำหนด
- สมมติว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในช่วงระยะสั้นๆ แล้วไปกระทบต่อมูลค่าของเงินที่คุณลงทุนไป ถึงอย่างนั้นคุณกลับไม่ได้รู้สึกกังวลมากนัก นั่นแปลว่าคุณน่าจะสามารถยอมรับความเสี่ยงได้อยู่บ้าง
- หากคุณรู้สึกกระวนกระวายใจเพียงแค่คิดว่า มูลค่าเงินลงทุนอาจจะลดลงแม้เพียงแค่หนึ่งวันแล้วล่ะก็ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอาจเหมาะกับคุณมากกว่า
- หากคุณตั้งใจจะลงทุนในระยะยาว ก็ค่อนข้างยากที่จะกำจัดความเสี่ยงในขณะที่ยังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่
เพื่อไม่ให้การลงทุนของคุณมีความเสี่ยงควรศึกษารายละเอียดทุกอย่างก่อนการตัดสินใจลงทุน
การลงทุนประเภทใดบ้างที่ต้องเสียภาษี & ไม่ต้องเสียภาษี
- การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในรูปของดอกเบี้ย เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ โดยดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
- การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในรูปของเงินปันผล เช่น หุ้นสามัญ และกองทุนรวมที่จ่ายเงินปันผล โดยเงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
- Capital Gain หรือ ผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ คือ รูปแบบของกำไรที่ได้มาจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า เกิดเป็นกำไรส่วนเกินของทุน
- กำไรที่ได้จาก Capital Gain ถูกเรียกเก็บภาษีในบางประเทศ ส่วนในประเทศไทยนั้น เงินได้จากการขาย หรือโอนหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่มีการเรียกเก็บภาษี
- ส่วนในกรณีที่เป็นการขายหรือโอนหลักทรัพย์นอกตลาด ผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทยถึง 180 วันในปีภาษีจะต้องเสียภาษีโดยถูกหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราภาษีก้าวหน้า และต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณตอนสิ้นปีด้วย
- ส่วน Capital Gain จากการลงทุนในกองทุนรวม ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
สรุป
- สิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนควรมี คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจ การที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องใดๆ ก็ตาม ตัวเราเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
- แม้ว่าแผนการลงทุนที่ได้วางไว้จะดีเพียงใดก็ตาม แต่หากขาดความมุ่งมั่นตั้งใจ ขาดวินัย และขาดความอดทนในการออมการลงทุนแล้ว การไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้คงเป็นไปได้ยาก
- เมื่อตั้งเป้าหมายการเงินของตัวเองได้แล้ว ขอให้รีบลงมือทำตามแผน อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะทำให้เราอาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
- หากเรามีการวางแผนการลงทุน มีวินัยในการลงมือทำตามแผน และมีการทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินตามที่ตั้งใจไว้ ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี
การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้