Altman Z-score คืออะไร
Altman Z-score คือ ตัวชี้วัดความเสี่ยงของบริษัทที่ใช้ เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท โดยใช้ข้อมูลจากงบการเงินเพื่อสร้างสูตรทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณคะแนน Z-score
คะแนน Z-score ที่ได้จากสูตร Altman Z-score เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการลงทุนในบริษัท โดยคะแนนนี้ถูกคำนวณจากข้อมูลการเงินเบื้องต้นของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยตัวแปรทางการเงิน 5 ตัว ซึ่งจะอยู่ระหว่าง 1.8-3.0 และถ้าคะแนน Z-score มากกว่าหรือเท่ากับ 3.0 จะถือว่าบริษัทมีความปลอดภัยทางการเงินสูง ส่วนถ้าคะแนนอยู่ระหว่าง 1.8-3.0 จะถือว่าบริษัทอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการล้มละลาย และถ้าคะแนนต่ำกว่า 1.8 จะถือว่าบริษัทมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย
Altman Z-score จึงเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงในการล้มละลายของบริษัท (bankruptcy) ได้อย่างดี โดยใช้ค่าของตัวแปรทางการเงินในการคำนวณ เน้นไปที่การวิเคราะห์ผลการดำเนินธุรกิจในระยะยาว และการทำนายความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทในอนาคต
ที่สำคัญ Altman Z-score นั้นเหมาะสำหรับนักลงทุน หรือผู้ที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูง หรือใกล้เคียงกับการล้มละลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมการเงิน หรือบริษัทที่มีความเสี่ยงต่อการล้มละลายเพราะมีหนี้สินสูง และต้องการตรวจสอบความเสี่ยงก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในบริษัทนั้นๆ ถือว่าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ประวัติความเป็นมา Altman Z-score
Altman Z-score เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยง ถูกพัฒนาโดย Edward I. Altman ในปี ค.ศ. 1968 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และทำนายความเสี่ยงของบริษัทที่เป็นธุรกิจเจริญเติบโตแต่กำลังประสบปัญหาการชำระหนี้ หรืออยู่ในสภาวะที่อ่อนแอทางการเงิน ลักษณะเป็นการปรับปรุงจากตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน (Discriminant Analysis) โดยใช้ข้อมูลจากบริษัทที่ล้มละลายในช่วงยุควิกฤตการเงินในปี ค.ศ. 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการลดลงของการชำระหนี้และการขาดทุนของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่การพัฒนาครั้งแรก ตัวชี้วัด Altman Z-score ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการการเงิน โดยเฉพาะในการวิเคราะห์บริษัทเพื่อใช้ในการลงทุน หรือในการพิจารณาการยืมเงินให้กับบริษัทที่ต้องการยืมเงิน โดยเฉพาะในสายอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในการผลิตและการค้า หรือที่อยู่ในระหว่างเผชิญกับสถานการณ์ทางการเงินที่แข็งแกร่งไม่ได้ และในปัจจุบัน Altman Z-score ยังคงเป็นตัวชี้วัดที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทในสายอุตสาหกรรมต่างๆ และยังได้รับการปรับปรุงและปรับใช้ในบริบทต่างๆ อยู่เรื่อยมา
แนวคิดหลักการของ Altman Z-score
แนวคิดหลักการของ Altman Z-score คือ การวิเคราะห์และจำแนกบริษัทว่ามีความเสี่ยงต่อการล้มละลายมากน้อยแค่ไหน โดยใช้ตัวชี้วัดทางการเงิน เพื่อทำนายผลการลงทุนในอนาคต ซึ่งตัวชี้วัดนี้จะใช้เกณฑ์การวิเคราะห์ดังนี้
- คะแนนรวมตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไป: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายน้อยมาก
- คะแนนรวมตั้งแต่ 2.7 – 3.0: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายปานกลาง
- คะแนนรวมต่ำกว่า 2.7: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายสูง
ตัวชี้วัด Altman Z-score
ประกอบด้วยตัวแปรทางการเงิน 5 ตัวดังนี้
1.อัตราส่วนความหนี้ต่อส่วนของทุน (Working Capital/Total Assets) – ตัวชี้วัดว่าบริษัทมีส่วนของเงินทุนเอาไว้อย่างไร และมีความสามารถในการจ่ายหนี้ได้อย่างไร
2.อัตราส่วนเงินสดต่อส่วนของทุน (Retained Earnings/Total Assets) – ตัวชี้วัดว่าบริษัทมีกำไรสะสมเพียงพอเพื่อการเก็บรักษาธุรกิจได้หรือไม่
3.อัตราส่วนกำไรย่อยต่อยอดขาย (EBIT/Total Assets) – ตัวชี้วัดว่าบริษัทมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจให้ได้กับส่วนที่ลงทุนเท่าใด
4.อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อมูลค่าสุทธิของหนี้สิน (Market Value of Equity/Book Value of Total Liabilities) – ตัวชี้วัดว่าตลาดเชื่อว่าบริษัทมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน และมีความสามารถในการจ่ายหนี้ได้อย่างไร
5.อัตราส่วนกำไรต่อยอดขาย (Sales/Total Assets) – ตัวชี้วัดว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรจากการจำหน่ายได้เท่าใด และมีความสามารถในการรักษาปริมาณการขายได้อย่างไร
Altman Z-score มีวิธีคิดอย่างไร
วิธีคิด Altman Z-score ใช้สูตรการคำนวณต่อไปนี้
- Z-Score = 1.2A + 1.4B + 3.3C + 0.6D + 1.0E
โดยที่
- A = สัดส่วนของเงินสดและเทียบเท่าเงินสดต่อสินทรัพย์รวม
- B = สัดส่วนของกำไรสุทธิต่อยอดหนี้
- C = สัดส่วนของสินทรัพย์สุทธิต่อยอดหนี้
- D = ระยะเวลาหนี้ต่อระยะเวลาหนี้ที่คาดว่าจะชำระหมด
- E = สัดส่วนของมูลค่าตลาดของหุ้นที่เป็นส่วนของส่วนถัวเหนือต่อจำนวนหุ้นที่ออกแล้ว
การคำนวณ Altman Z-score จะได้ค่าเดียวสำหรับแต่ละบริษัท ซึ่งจะถูกใช้ในการวิเคราะห์ว่าบริษัทนั้นๆ มีความเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคตมากน้อยแค่ไหน โดยมีกฎเกณฑ์ดังนี้:
- Z-Score มากกว่าหรือเท่ากับ 3.0: บริษัทมีความเสถียรและไม่มีความเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคต
- Z-Score อยู่ระหว่าง 2.7 – 3.0: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคตปานกลาง
- Z-Score อยู่ระหว่าง 1.8 – 2.7: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคตสูง
- Z-Score ต่ำกว่า 1.8: บริษัทมีความเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคตมาก
ถ้า Z-score มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 2.99 จะแสดงถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ค่า Z-score ระหว่าง 1.81 ถึง 2.99 จะแสดงถึงสถานะทางการเงินที่อยู่ในเกณฑ์กลาง และถ้า Z-score ต่ำกว่า 1.81 จะแสดงถึงสถานะทางการเงินที่ไม่แข็งแกร่ง หรือเสี่ยงต่อการล้มละลายของบริษัทในอนาคต
หลักการใช้งาน Altman Z-score
Altman Z-score ใช้เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลงทุนในบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลงทุนในบริษัทที่มีภาระหนี้สูง โดยจะใช้ค่า Z-score เพื่อประเมินความเสี่ยงในการลงทุน โดยมีหลักการดังนี้
ค่า Z-score ต่ำกว่า 1.8 หมายความว่า บริษัทอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีและมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนในบริษัทนี้อย่างรอบคอบ
ค่า Z-score อยู่ระหว่าง 1.8 ถึง 2.7 หมายความว่า บริษัทอยู่ในสถานการณ์ปานกลาง แต่ยังมีความเสี่ยงในการลงทุน นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงและประเมินผลตอบแทนก่อนตัดสินใจลงทุน
ค่า Z-score มากกว่า 2.7 หมายความว่า บริษัทมีสภาวะการเงินที่ดีและมีความเสี่ยงต่ำ นักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในบริษัทนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยง
ค่า Z-score มากกว่า 3.0 หมายความว่า บริษัทมีสภาวะการเงินที่ดีมากและมีความเสี่ยงต่ำมาก นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนในบริษัทนี้ได้อย่างมั่นใจ
นักลงทุนสามารถใช้ค่า Z-score เพื่อประเมินความเสี่ยงของการลงทุนในบริษัทได้ โดยถ้าค่า Z-score อยู่ในช่วง 2.99 ขึ้นไป แสดงว่าบริษัทมีความเสี่ยงต่ำในการล้มละลาย ในขณะที่ค่า Z-score ต่ำกว่า 1.81 แสดงว่าบริษัทมีความเสี่ยงสูงในการล้มละลาย ดังนั้นการใช้ค่า Z-score เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนสามารถนำมาช่วยในการตัดสินใจลงทุนในบริษัทได้
ยกตัวอย่าง Altman Z-score
ให้นักลงทุนต้องการวิเคราะห์ธนาคาร ABC โดยมีข้อมูลดังนี้
- Working capital / Total assets = 0.08
- Retained earnings / Total assets = 0.02
- Earnings before interest and taxes / Total assets = 0.01
- Market value of equity / Total liabilities = 0.45
- Sales / Total assets = 1.23
โดยใช้สูตร Altman Z-score ดังนี้
Z-score = 1.2A + 1.4B + 3.3C + 0.6D + 1.0E
โดยที่
- A = Working capital / Total assets
- B = Retained earnings / Total assets
- C = Earnings before interest and taxes / Total assets
- D = Market value of equity / Total liabilities
- E = Sales / Total assets
จากข้อมูลที่กำหนดให้ สามารถคำนวณได้ว่า
- A = 0.08
- B = 0.02
- C = 0.01
- D = 0.45
- E = 1.23
จะได้ว่า
Z-score = (1.2 x 0.08) + (1.4 x 0.02) + (3.3 x 0.01) + (0.6 x 0.45) + (1.0 x 1.23) = 1.71
สรุปจากผลการคำนวณ จะได้ Altman Z-score ของธนาคาร ABC เท่ากับ 1.71 ซึ่งมีค่าอยู่ในช่วงค่าความเสี่ยงสูง โดยค่า Z-score ต่ำกว่า 1.8 จะแสดงถึงสถานการณ์ที่ธุรกิจมีความเสี่ยงสูงในการล้มละลาย ในขณะที่ค่า Z-score ตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไปจะแสดงถึงความเสี่ยงที่น้อยลงในการล้มละลายของธุรกิจ
ข้อดี Altman Z-score
ช่วยในการประเมินความเสี่ยง: Altman Z-score ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทได้โดยเร็วและง่าย โดยใช้ตัวชี้วัดที่คำนวณจากข้อมูลการเงินเบื้องต้นของบริษัท เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการลงทุนได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น
ใช้ง่าย: Altman Z-score เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้เทคนิคหรือความชำนาญทางการเงินเพิ่มเติม
มีประสิทธิภาพสูง: Altman Z-score มีประสิทธิภาพสูงในการทำนายการล้มเหลวของบริษัทหรือการล้มละลาย ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความแม่นยำสูงถึง 80-90%
ใช้กับบริษัทที่มีข้อมูลการเงินเปิดเผย: Altman Z-score เหมาะสำหรับการใช้กับบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลการเงินอย่างรวมถึงการเผยแพร่รายงานการเงินที่ถูกต้อง ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการลงทุน
สามารถปรับปรุงได้: Altman Z-score มีข้อจำกัดในการใช้งานเมื่อเทียบกับตัวชี้วัดการเงินอื่นๆ แต่ก็สามารถปรับปรุงได้โดยการใช้สูตรที่มีความแม่นยำสูงกว่า
ข้อเสีย Altman Z-score
Altman Z-score ไม่ได้เหมาะสมสำหรับบริษัทที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีลักษณะธุรกิจที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีค่าสถิติเฉพาะตามแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ในการใช้ Altman Z-score เพื่อประเมินความเสี่ยงของบริษัทในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอาจไม่สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงที่แท้จริงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือสภาพการเงินของบริษัท ซึ่งสามารถประเมินได้จากค่า Z-score ที่ต่ำกว่า 1.8 อาจไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสถานะการเงินของบริษัทได้อย่างชัดเจนเพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนได้
นอกจากนี้ การใช้ Altman Z-score ในการวิเคราะห์การลงทุนอาจต้องใช้ข้อมูลการเงินที่มีความถูกต้องและครบถ้วนเท่านั้น และไม่สามารถใช้เพียงเครื่องมือเดียวในการตัดสินใจลงทุนได้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาภาพรวมของบริษัทและตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมและแนวโน้มของตลาดเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่ถูกต้องร่วมด้วย
Altman Z-score ที่ใช้ในการวิจัย
Altman Z-score นั้น ถูกนำมาใช้ในการวิจัยหลายแห่ง เช่น ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของบริษัทที่เข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของบริษัทที่ต้องการขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งทั่วไปแล้ว Altman Z-score จะถูกใช้ในการประเมินความเสี่ยงของบริษัทที่มีปัญหาด้านการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บริษัทนั้นอยู่ในสภาวะที่รุนแรง หรือเสี่ยงต่อการล้มละลายในอนาคต
นอกจากนี้ Altman Z-score ยังถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และประเมินค่าของหุ้น โดยผู้ลงทุนสามารถใช้ Altman Z-score เพื่อประเมินความเสี่ยงของการลงทุนในบริษัทแต่ละบริษัท โดยบริษัทที่มีค่า Altman Z-score สูงกว่า 3 จะถือว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่บริษัทที่มีค่า Altman Z-score ต่ำกว่า 1.81 จะถือว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงต่อการล้มละลาย และ Altman Z-score ยังถูกนำมาใช้ในการประเมินค่าของพันธบัตรสาธารณะ (public bonds) และหนี้สินที่ไม่มีค่ามั่งคั่ง (non-asset-based debt) ที่เป็นเงินกู้ที่ไม่มีการใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน
เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี
การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้