Startup คืออะไร?
“Startup” หรือนิยมเรียกทับศัพท์ว่า “สตาร์ทอัพ” คือ บริษัทหรือกิจการที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจใหม่ๆที่มักมีแนวคิดหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสร้างสินค้าหรือบริการ มีความพร้อมทางด้านศักยภาพในการเติบโตสามารถก้าวหน้าได้ด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ โดย Startup จะเริ่มต้นด้วยทีมงานเล็กๆ หรือบุคคลโดยตรงที่มีความสนใจในแนวคิดดังกล่าว และมักมีการเร่งรีบในการพัฒนาและขยายธุรกิจ เพื่อเข้าสู่ตลาดและความสำเร็จในธุรกิจของตนเองให้ได้โดยรวดเร็ว โดยมีองค์กกอบความสำเร็จด้านนวัตกรรมร่วมด้วย
Startup เป็นองค์กรที่มีความสำคัญสูงในการสร้างและพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ๆ อีกทั้งมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตลาดให้เติบโตขึ้น
Startup หมายถึงอะไร?
Startup หมายถึง กิจการหรือบริษัทที่พึ่งจะเริ่มต้นดำเนินธุรกิจใหม่ ที่มักมีความเป็นเอกลักษณ์และมุ่งเน้นการนวัตกรรม จะเน้นใช้ทีมงานกลุ่มเล็ก โดยมีเป้าหมายที่ต้องการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นบริษัทใหญ่ขึ้นในอนาคต ในขั้นต้น Startup มักต้องใช้ทุนระดับเล็ก ๆ หรือเงินกู้เพื่อเริ่มต้นธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ นอกจากนี้ Startup ยังมีลักษณะเป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาและการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อรอดตลอดการแข่งขันในตลาดธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Startup มีความสำคัญอย่างมากในเชิงเศรษฐกิจ และสังคมด้วยหลายเหตุผลดังนี้
- สร้างงานที่มีคุณค่าสูง: Startup เป็นต้นแบบของธุรกิจใหม่ที่มีการสร้างงานใหม่ ๆ และมีการจ้างงานที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยลดอัตราการว่างงานและเพิ่มโอกาสในการทำงานของประชากร
- สร้างความนิยมและบุคลิกภาพ: Startup มีความสำคัญในการสร้างความนิยมและบุคลิกภาพของบริษัท โดยส่วนใหญ่ Startup มีแนวคิดหรือนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งช่วยเพิ่มความนิยมและบุคลิกภาพของบริษัทในตลาด
- สร้างสรรค์และนวัตกรรม: Startup มีแนวคิดหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในสายงานเทคโนโลยีและการสื่อสาร
- เป็นต้นแบบธุรกิจใหม่: Startup เป็นต้นแบบของธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาตนเองเพื่อเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ในประเทศและทั่วโลก
- สร้างความเป็นมาตรฐานใหม่: Startup มีแนวคิดและการดำเนินธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ได้ตามติดธรรมเนียมแบบเดิม ซึ่งช่วยสร้างความเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการธุรกิจ และช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจทั่วไปในระยะยาว
- ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล: Startup เป็นผู้นำในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำธุรกิจ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจ: Startup เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการลงทุน
ธุรกิจนวัตกรรม Startup ในไทยมีอะไรบ้าง
ธุรกิจนวัตกรรม Startup ในไทย คือ ธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่มีศักย์สำคัญในการสร้างคุณค่าเพิ่มสำหรับผู้ใช้งานหรือลูกค้า ธุรกิจนี้มักจะมีลักษณะเป็นธุรกิจเล็กๆ หรือขนาดกลาง และสามารถดำเนินธุรกิจโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างของธุรกิจนวัตกรรม Startup ในไทยได้แก่:
- Grab: แพลตฟอร์มการเดินทางแบบออนไลน์ที่มีการบริการหลายประเภท เช่น การจองรถแท็กซี่ รถตู้ และรถรับจ้าง
- aCommerce: แพลตฟอร์มการขายสินค้าออนไลน์ที่ให้บริการจัดส่งสินค้าทั่วไป และสินค้าจาก e-commerce หลายช่องทาง
- Pomelo: แบรนด์เสื้อผ้าและแฟชั่นออนไลน์ที่มีรูปแบบที่ดีและเทรนด์
- Eatigo: แพลตฟอร์มการจองโต๊ะที่รวบรวมโปรโมชั่นร้านอาหารและคลับมากมาย
- Skootar: แพลตฟอร์มจัดส่งสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร
- Finnomena: แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ที่ให้บริการตามหลักการของ robo-advisors
- Ookbee: แพลตฟอร์มการอ่านหนังสือออนไลน์ที่มีการต่อยอดในการให้บริการสื่อสารและความบันเทิง
- Eko Communications: แพลตฟอร์มการสื่อสารของธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานทีม
- FlowAccount: แพลตฟอร์มบัญชีออนไลน์ที่ให้บริการในด้านการจัดการบัญชีของธุรกิจเล็ก ๆ
- Horganice: แพลตฟอร์มการจัดการฟาร์มผักออร์แกนิคออนไลน์ที่เชื่อมต่อฟาร์มผักกับผู้บริโภคโดยตรง
- Jitta: แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ที่ให้บริการในด้านการวิเคราะห์ผลตอบแทนของหุ้นและกองทุนรวม
- Lalamove: แพลตฟอร์มการจัดส่งสินค้าแบบเร่งด่วนในเขตกรุงเทพมหานคร
- Wongnai: แพลตฟอร์มการค้นหาร้านอาหารและรีวิวในประเทศไทย
- Ofo: บริการให้เช่าจักรยานสำหรับการเดินทางแบบเช่าในเขตกรุงเทพมหานคร
- Skooly: แพลตฟอร์มการจัดการโรงเรียนและเรียนการเรียนออนไลน์
- AgTech: ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการเกษตร เช่น ระบบ IoT ในการจัดการที่ดินและการเลี้ยงสัตว์
- FinTech: ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการการเงิน เช่น การซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชัน
- HealthTech: ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการด้านสุขภาพ เช่น การนัดหมายแพทย์และการสั่งยาออนไลน์
- EdTech: ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน เช่น แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์
- TravelTech: ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกรรมในการท่องเที่ยว เช่น การจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินออนไลน์
ธุรกิจนวัตกรรม Startup ในไทยนับว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐบาลและเอกชนในการสร้างและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ลงทุนต่าง ๆ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงศักย์สำคัญและการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยต่อไป
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ของธุรกิจนวัตกรรม Startup ในไทยมักมีแนวโน้มที่จะเน้นใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบซอฟต์แวร์ การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การนำเทคโนโลยี IoT, AI, และ Blockchain มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและให้บริการที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้งานหรือลูกค้า
ผลตอบแทน Startup ดียังไง
ผลตอบแทนของ Startup มีความหลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ แต่โดยรวมแล้ว Startup มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าธุรกิจทั่วไปเนื่องจากมีความเป็นระบบ และมีลักษณะสำคัญ คือ การลงทุน (Investment) ด้วย Startup มักมีการรับเงินลงทุนจากผู้ลงทุนระดับนานาชาติ ซึ่งทำให้มีเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจและเติบโตอย่างรวดเร็ว, รายได้ (Revenue) เป็นผลตอบแทนจาก Startup เป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีลักษณะที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ตามต้องการของตลาด แกทั้งยังมีผลตอบแทนเรื่องของกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) โดย Startup มักมีกลยุทธ์การตลาดที่สร้างความสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้สื่อโซเชียลมีเดียและตลาดออนไลน์เป็นเครื่องมือในการโปรโมตธุรกิจ และพลังงานผู้ก่อตั้ง (Entrepreneurial Energy มีพลังงานและความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวได้ นั้นจึงเป็นผลตอบแทนของ Startup ที่เกิดขึ้นได้จริง
Startup ต่างกับ SME อย่างไร
Startup และ SME (Small and Medium Enterprises) ต่างกันดังนี้
- การก่อตั้งและวัตถุประสงค์
- การสร้างโมเดลธุรกิจ
- การขยายธุรกิจ
- ขนาดของธุรกิจ
- การตลาด
- การบริหารจัดการธุรกิจ
- การก่อตั้งและวัตถุประสงค์: Startup ถือเป็นธุรกิจที่ใหม่และก่อตั้งขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ ในตลาด มีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นเอกลักษณ์และมีศักย์สำคัญ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือเทคโนโลยีใหม่ ในขณะที่ SME เป็นธุรกิจที่มีอายุการก่อตั้งยาวนานแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้บริการหรือผลิตสินค้าที่มีตลาดอยู่แล้ว โดยมักจะมีการเจริญเติบโตเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกำไร
- การสร้างโมเดลธุรกิจ: Startup มีโมเดลธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น เนื่องจากธุรกิจของ Startup มักยังไม่มีการกำหนดโครงสร้างทางธุรกิจและเทคโนโลยีที่ใช้ไว้แน่นอน ในขณะที่ SME มักมีโมเดลธุรกิจที่เจาะจงและกำหนดไว้แล้ว เนื่องจากมีการทดสอบและพัฒนาเมื่อเปิดธุรกิจมานานแล้ว
- การขยายธุรกิจ: Startup จะมีระยะเวลาการขยายธุรกิจเร็วกว่า SME เนื่องจากมีการรับเงินลงทุนจากผู้ลงทุนในระยะต้นและมีแผนธุรกิจที่เปลี่ยน
- ขนาดของธุรกิจ: Startup เป็นธุรกิจขนาดเล็กและมีจำนวนพนักงานน้อยกว่า SME โดย Startup จะมีทีมผู้ก่อตั้งเล็กๆ โดยมีบางบริษัทที่มีทีมผู้ก่อตั้งและพนักงานไม่เกิน 10 คน ในขณะที่ SME มักมีขนาดที่ใหญ่กว่า มีพนักงานมากกว่าและมักมีงานที่เป็นระบบและมีโครงสร้างทางธุรกิจที่มั่นคง
- การตลาด: Startup มีกลยุทธ์การตลาดที่เน้นไปที่การเชื่อมโยงกับผู้ใช้และลูกค้าใหม่ๆ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียและการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มความรู้จักและสร้างความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน ในขณะที่ SME จะมีกลยุทธ์การตลาดที่เน้นไปที่การสร้างความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญในตลาดเป้าหมาย
- การบริหารจัดการธุรกิจ: Startup มีการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นและมีระบบเป็นขั้นตอนน้อยกว่า SME ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ SME จะมีการบริหารจัดการที่มีระบบและมีขั้นตอนที่เจาะจงและเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการลดความเสี่ยงในธุรกิจ
Startup และ SME มีข้อที่เหมือนกันดังนี้
- มีการก่อตั้งเพื่อเป็นธุรกิจและแก้ไขปัญหาในตลาด
- มีการจัดการทรัพยากรในการทำธุรกิจเพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกำไร
- มีความสำคัญในการตลาดและสร้างความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน
- มีการดำเนินธุรกิจในตลาดที่แข็งแกร่งและมีคู่แข่ง
- มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ
- มีการใช้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถและคุณภาพเพื่อการพัฒนาธุรกิจ
- มีการตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวและการเติบโตของธุรกิจ
- มีการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดอยู่เสมอ
การก่อตั้ง Startup และ SME มีลักษณะที่แตกต่างกันจริง แต่มีความเหมือนกันในแง่หลักของการเป็นธุรกิจและการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดและอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งและถือว่ามีการแข่งขันสูงมากในปัจจุบัน
ตัวอย่างธุรกิจ Startup กับ SME
(อ้างอิงข้อมูลตัวอย่าง research.kpru.ac.th, ณฤทธิ์ วรพงษ์ดี หน้า7-8)
กรณีธุรกิจให้บริการรับดูแลเด็กและผู้สูงอายุ
ถ้าเป็นการทำธุรกิจแบบ SMEs เมื่อกิจการพอมีเงินทุนและต้องการเติบโตขยายธุรกิจ ก็จะต้องมองหาทำเล เพื่อขยายสาขาเพิ่มขึ้น ลงทุนจ้างคนเพิ่ม ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตตามจำนวนเงินลงทุน
แต่ถ้าเป็นธุรกิจ Startup สตาร์ทอัพ จะมีการปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ โดยการนำเทคโนโลยีเช่นอินเตอร์เน็ตมาช่วย มีการสร้างเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชันขึ้นมา ให้คนที่สนใจอยากทำงานเป็นผู้ดูแลเด็กและผู้สูงอายุมาสมัคร ทิ้งข้อมูลไว้ให้คนที่ต้องการเข้ามาเลือก มีระบบกรองหาคนที่อยู่ใกล้ๆ ตำแหน่งของลูกค้า บอกช่วงเวลาว่างรับงาน ข้อมูลประวัติ และรีวิวผลงานที่ลูกค้าท่านอื่นฟีดแบคไว้ ตลอดจนสามารถจองเวลาและชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ทันที โดยเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจะได้รายได้มาจากค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ซึ่งถือเป็นการลงทุนเพียงแค่พัฒนาเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชัน ที่ใช้เงินลงทุนไม่มากนักแต่สามารถขยายกิจการได้ครอบคลุมกว่าธุรกิจแบบ SMEs
จะเห็นได้ว่า ข้อได้เปรียบของการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพคือ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมไม่ติดข้อจำกัดในเรื่องการเพิ่มบุคลากร การหาสถานที่หรือทำเลในการขยายกิจการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนที่ไม่สูงมากนัก จึงทำให้สตาร์ทอัพเป็นสิ่งที่เข้ากับกระแสของคนในยุคนี้ ที่อยากเป็นผู้ประกอบการมากกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างในองค์กร อยากเป็นเจ้านายตัวเอง อยากมีอิสระในการทำงาน ดังนั้นหลายๆ คนจึงคิดที่จะเข้ามาลุยทำธุรกิจสตาร์ทอัพกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซํ้า
ตัวอย่างธุรกิจ Startup ที่ประสบความสำเร็จ
มีหลายบริษัท Startup ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักในระดับโลก ตัวอย่างบริษัท Startup ที่ประสบความสำเร็จได้แก่
- Facebook: ธุรกิจสังคมออนไลน์ชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถูกก่อตั้ง ปี 2004 โดยมาร์ก และได้รับการพัฒนาเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่ใช้งานมากที่สุดในโลก
- Airbnb: ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ที่ถูกก่อตั้งโดยบรายอัน เชียว และ แบรียอน เช็กค์ ในปี 2008 และเป็นแพลตฟอร์มการจองที่พักส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- Grab: ธุรกิจรถยนต์หรือแท็กซี่ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในเอเชีย โดยก่อตั้งโดยอันโดร ทันซิกอะดิ ในปี 2012 และเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการรถแท็กซี่ออนไลน์ในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- Spotify: ธุรกิจบริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ที่ถูกก่อตั้งโดยดานิเยล เอ็กเคอร์สตรอม และมาร์ติน เลอวิส ในปี 2006 และได้เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
- Uber: ธุรกิจรถแท็กซี่ออนไลน์ที่ถูกก่อตั้งโดยแทรวิส คาลานิค และการ์เร็ต แคมป์ในปี 2009 และได้สร้างสรรค์แพลตฟอร์มการเดินทางแบบใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถจองและใช้บริการรถแท็กซี่ได้อย่างสะดวกสบาย
- Dropbox: ธุรกิจบริการบันทึกไฟล์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมจากการใช้งานของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยถูกก่อตั้งโดยดรูพ์ ฮัสคอฟฟ์และอาร์โม เคลีย์ ในปี 2007 และได้เป็นแพลตฟอร์มบันทึกไฟล์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
- Lazada: ธุรกิจอีคอมเมิร์ซออนไลน์ที่มีความนิยมมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยถูกก่อตั้งโดยมากอส์ บังแอปและมากอส์ บิทติงในปี 2012 และได้เป็นแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
- Gojek: ธุรกิจแอปพลิเคชันรถมอเตอร์ไซค์ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยถูกก่อตั้งโดยนาดิม แอนวาร์ดานีในปี 2010 และได้เป็นแพลตฟอร์มการให้บริการโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการแบบออนไลน์ซึ่งสามารถใช้บริการได้หลากหลายเช่น บริการขนส่งสินค้า บริการอาหาร บริการเติมเงิน และบริการอื่นๆ
- Shopee: ธุรกิจอีคอมเมิร์ซออนไลน์ที่มีความนิยมมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยถูกก่อตั้งโดยคุกเงิน อื่นๆ ในปี 2015 และได้เป็นแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
- Agoda: ธุรกิจการจองโรงแรมออนไลน์ที่มีความนิยมมากในเอเชีย โดยถูกก่อตั้งโดยไมค์ เปาร์ทริดจ์และรอย เรส์เลอร์ในปี 1999 และได้เป็นแพลตฟอร์มการจองโรงแรมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาค
ธุรกิจ Startup เป็นที่นิยมเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีศักย์สำคัญในการแก้ไขปัญหาหรือการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ และสามารถนำการเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจเล็กๆเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี
การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้