วิธีแยกทองออกจากทองเหลืองทำอย่างไร

การแยกทองออกจากทองเหลือง

ทองและทองเหลืองเป็นโลหะที่มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกัน แต่มีคุณค่าและคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างมาก การแยกทองออกจากทองเหลืองจึงเป็นกระบวนการสำคัญในอุตสาหกรรมโลหะมีค่าและการรีไซเคิล บทความนี้จะอธิบายถึงวิธีการแยกทองออกจากทองเหลือง ตั้งแต่การตรวจสอบเบื้องต้นไปจนถึงกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับทองและทองเหลือง

ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการแยกทองออกจากทองเหลือง เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติพื้นฐานของทั้งสองโลหะนี้ก่อน

ทอง (Gold)

  • สัญลักษณ์ทางเคมี: Au
  • ความหนาแน่น: 19.32 g/cm³
  • จุดหลอมเหลว: 1,064°C (1,947°F)
  • คุณสมบัติ: นิ่ม เหนียว ไม่ทำปฏิกิริยากับอากาศหรือสารเคมีส่วนใหญ่
  • สี: เหลืองทอง

image1ทองเหลือง (Brass)

  • ส่วนผสม: ทองแดง (Cu) + สังกะสี (Zn) ในอัตราส่วนต่างๆ
  • ความหนาแน่น: ประมาณ 8.4-8.7 g/cm³ (ขึ้นอยู่กับส่วนผสม)
  • จุดหลอมเหลว: 900-940°C (1,652-1,724°F) โดยประมาณ
  • คุณสมบัติ: แข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน นำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี
  • สี: เหลืองอ่อนถึงแดงทอง (ขึ้นอยู่กับส่วนผสม)

การตรวจสอบเบื้องต้น

ก่อนที่จะดำเนินการแยกทองออกจากทองเหลือง เราควรทำการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อยืนยันว่าชิ้นงานที่เรามีนั้นเป็นทองจริงหรือเป็นเพียงทองเหลือง วิธีการตรวจสอบมีดังนี้:

1. การสังเกตสี

  • ทอง: มีสีเหลืองเข้ม เงางาม
  • ทองเหลือง: มีสีเหลืองอ่อนกว่า อาจมีเฉดสีแดงหรือส้ม

2. การทดสอบน้ำหนัก

  • ทองมีความหนาแน่นมากกว่าทองเหลืองประมาณ 2 เท่า
  • ชิ้นงานที่มีขนาดเท่ากัน ทองจะหนักกว่าทองเหลืองอย่างชัดเจน

3. การทดสอบด้วยแม่เหล็ก

  • ทอง: ไม่ถูกดูดติดแม่เหล็ก
  • ทองเหลือง: ไม่ถูกดูดติดแม่เหล็กเช่นกัน แต่อาจมีการตอบสนองเล็กน้อยหากมีส่วนผสมของเหล็ก

4. การทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบทอง (Acid Test)

  • ใช้น้ำยาทดสอบทองที่มีจำหน่ายในร้านเครื่องประดับ
  • ทา​​​​​​​​​​​น้ำยาลงบนชิ้นงานและสังเกตปฏิกิริยา
  • ทอง: จะไม่เกิดปฏิกิริยาหรือเปลี่ยนสี
  • ทองเหลือง: จะเกิดฟองหรือเปลี่ยนสีเขียว

5. การทดสอบด้วยเสียง (Ring Test)

  • เคาะชิ้นงานเบาๆ และฟังเสียงที่เกิดขึ้น
  • ทอง: จะให้เสียงทุ้มต่ำ
  • ทองเหลือง: จะให้เสียงแหลมกังวานมากกว่า

6. การสังเกตรอยขีดข่วน

  • ทอง: จะไม่มีรอยขีดข่วนได้ง่าย เนื่องจากเป็นโลหะที่อ่อนนุ่ม
  • ทองเหลือง: จะเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่า

image2

วิธีการแยกทองออกจากทองเหลือง

หลังจากทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว หากพบว่าชิ้นงานมีทั้งทองและทองเหลืองผสมกัน เราสามารถใช้วิธีการต่อไปนี้ในการแยกทองออกจากทองเหลือง

วิธีการทางกายภาพ

  • การแยกด้วยความหนาแน่น (Gravity Separation)

ใช้หลักการความแตกต่างของความหนาแน่นระหว่างทองและทองเหลือง  เหมาะสำหรับชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่พอและสามารถแยกออกจากกันได้ทางกายภาพ  มีวิธีการดังนี้

  1. บดหรือตัดชิ้นงานให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  2. นำไปใส่ในภาชนะที่มีของเหลวที่มีความหนาแน่นระหว่างทองและทองเหลือง เช่น สารละลายโซเดียมโพลีทังสเตต
  3. ทองจะจมลงก้นภาชนะ ในขณะที่ทองเหลืองจะลอยอยู่ด้านบน
  4. แยกส่วนที่ลอยและส่วนที่จมออกจากกัน
  • การใช้ความร้อน (Heat Treatment)

ใช้ความแตกต่างของจุดหลอมเหลวระหว่างทองและทองเหลือง  เหมาะสำหรับชิ้นงานที่มีทองเคลือบอยู่บนพื้นผิวทองเหลือง มีวิธีการดังนี้

  1. ให้ความร้อนชิ้นงานที่อุณหภูมิประมาณ 900-950°C
  2. ทองเหลืองจะหลอมเหลว ในขณะที่ทองยังคงสภาพของแข็ง
  3. แยกส่วนที่เป็นของเหลว (ทองเหลือง) ออกจากส่วนที่เป็นของแข็ง (ทอง)
  4. ทำให้ทองเหลืองเย็นตัวลงและแข็งตัว

วิธีการทางเคมี

  • การใช้กรดไนตริก (Nitric Acid Method)

กรดไนตริกจะละลายทองเหลือง แต่ไม่ละลายทอง  เหมาะสำหรับชิ้นงานขนาดเล็กหรือเศษโลหะ มีวิธีการดังนี้

  1. บดหรือตัดชิ้นงานให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  2. นำชิ้นงานใส่ในภาชนะทนกรด
  3. เทกรดไนตริกเข้มข้น (65-70%) ลงไปท่วมชิ้นงาน
  4. ให้ความร้อนเล็กน้อย (ประมาณ 40-50°C) และทิ้งไว้จนกว่าปฏิกิริยาจะหยุด
  5. กรองแยกส่วนที่เป็นของแข็ง (ทอง) ออกจากสารละลาย
  6. ล้างตะกอนทองด้วยน้ำกลั่นหลายๆ ครั้ง
  • การใช้น้ำยาอควา เรเจีย (Aqua Regia Method)

น้ำยาอควา เรเจียจะละลายทั้งทองและทองเหลือง แต่สามารถแยกทองออกมาได้ในภายหลัง  เหมาะสำหรับชิ้นงานที่มีทองปนอยู่ในเนื้อทองเหลือง มีวิธีการดังนี้

  1. เตรียมน้ำยาอควา เรเจียโดยผสมกรดไนตริกเข้มข้นกับกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นในอัตราส่วน 1:3
  2. บดหรือตัดชิ้นงานให้เป็นชิ้นเล็กๆ
  3. นำชิ้นงานใส่ในภาชนะทนกรด
  4. เทน้ำยาอควา เรเจียลงไปท่วมชิ้นงาน
  5. ให้ความร้อนเล็กน้อย (ประมาณ 30-40°C) และทิ้งไว้จนกว่าปฏิกิริยาจะหยุด
  6. กรองสารละลายเพื่อแยกกากที่ไม่ละลายออก
  7. เติมสารตกตะกอน เช่น โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (Na₂S₂O₅) ลงในสารละลาย
  8. ทองจะตกตะกอนเป็นผงสีน้ำตาลหรือดำ
  9. กรองแยกตะกอนทองและล้างด้วยน้ำกลั่น
  • การใช้กระบวนการ Electrorefining

ใช้หลักการแยกสารด้วยไฟฟ้า  เหมาะสำหรับการแยกทองออกจากโลหะผสมในปริมาณมาก  มีวิธีการดังนี้

  1. หลอมชิ้นงานและทำเป็นแท่งโลหะผสม
  2. ใช้แท่งโลหะผสมเป็นขั้วบวก (Anode) ในเซลล์ไฟฟ้า
  3. ใช้แผ่นทองบริสุทธิ์เป็นขั้วลบ (Cathode)
  4. ใช้สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่เหมาะสม เช่น สารละลายทองไซยาไนด์
  5. ผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปในระบบ
  6. ทองจะละลายจากขั้วบวกและไปเกาะที่ขั้วลบ
  7. โลหะอื่นๆ จะตกตะกอนที่ก้นภาชนะหรือยังคงอยู่ในสารละลาย

image3

ข้อควรระวังและความปลอดภัย

การแยกทองออกจากทองเหลืองโดยเฉพาะวิธีทางเคมี เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีอันตราย จึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

  • สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือยาง และชุดป้องกันสารเคมี
  • ทำงานในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีหรือใต้ตู้ดูดควัน
  • เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ฝักบัวล้างตาและตัว ไว้ใกล้บริเวณทำงาน
  • ศึกษาข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี (SDS) ก่อนใช้งาน
  • ห้ามผสมสารเคมีต่างชนิดกันโดยไม่ทราบปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น
  • กำจัดของเสียอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการแยกทอง

ประสิทธิภาพของการแยกทองออกจากทองเหลืองขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่

  • ความบริสุทธิ์ของสารเคมีที่ใช้: สารเคมีที่มีความบริสุทธิ์สูงจะให้ผลการแยกที่ดีกว่า
  • อุณหภูมิ: การเพิ่มอุณหภูมิจะช่วยเร่งปฏิกิริยา แต่ต้องควบคุมไม่ให้สูงเกินไป
  • เวลา: ระยะเวลาในการทำปฏิกิริยาต้องเพียงพอให้ทองละลายหรือแยกออกมาได้หมด
  • การคนหรือการกวน: การคนสารละลายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การแยกเกิดขึ้นอย่างทั่วถึง
  • ขนาดของชิ้นงาน: ชิ้นงานที่มีขนาดเล็กจะแยกได้ง่ายและรวดเร็วกว่า
  • ความเข้มข้นของสารละลาย: ความเข้มข้นที่เหมาะสมจะช่วยให้การแยกมีประสิทธิภาพสูงสุด

การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม

การแยกทองออกจากทองเหลืองมีการใช้งานในหลายอุตสาหกรรม ดังนี้

  • อุตสาหกรรมรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์: ใช้ในการสกัดทองจากแผงวงจรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่หมดอายุการใช้งาน
  • อุตสาหกรรมเครื่องประดับ: ใช้ในการแยกทองออกจากเครื่องประดับเก่าหรือชำรุด
  • อุตสาหกรรมการผลิตทองคำแท่ง: ใช้ในการทำให้ทองคำบริสุทธิ์
  • อุตสาหกรรมการชุบโลหะ: ใช้ในการสกัดทองจากน้ำยาชุบทองที่ใช้แล้ว
  • อุตสาหกรรมเหมืองแร่: ใช้ในการสกัดทองจากแร่ที่มีทองเหลืองปนอยู่

แนวโน้มและนวัตกรรมในการแยกทอง

ในปัจจุบัน มีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ ในการแยกทองออกจากโลหะอื่นๆ รวมถึงทองเหลือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น

1. การใช้สารชีวภาพในการสกัดทอง (Bio-leaching): ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายโลหะอื่นๆ และปลดปล่อยทองคำ
2. การใช้ตัวทำละลายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เช่น การใช้ไธโอยูเรีย (Thiourea) หรือไธโอซัลเฟต (Thiosulfate) แทนไซยาไนด์หรือกรดแก่

3. การใช้เทคโนโลยีนาโนในการแยกทอง: เช่น การใช้อนุภาคแม่เหล็กนาโนในการดึงดูดทองคำ

image4

4. การพัฒนาระบบการแยกแบบต่อเนื่อง: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต

5. การใช้เทคโนโลยีพลาสมาในการแยกโลหะ: ใช้พลาสมาอุณหภูมิสูงในการแยกทองออกจากโลหะอื่นๆ

6. การใช้เทคนิค Supercritical Fluid Extraction: ใช้ของไหลที่อยู่ในสภาวะเหนือจุดวิกฤตในการสกัดทอง

7. การพัฒนาเซนเซอร์และระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบและแยกทอง: เพิ่มความแม่นยำและลดการใช้แรงงานมนุษย์

ประโยชน์ของการแยกทองออกจากทองเหลือง

  • สามารถนำทองกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยประหยัดทรัพยากร
  • เพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์
  • ลดการทำเหมืองทองใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง
  • สร้างอุตสาหกรรมรีไซเคิลและการจัดการของเสีย
  • ได้ผลผลิตเป็นทองบริสุทธิ์ที่มีมูลค่าสูง

โทษของการแยกทองออกจากทองเหลือง

  • กระบวนการบางวิธีใช้สารเคมีอันตราย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • ต้องการความรู้และทักษะเฉพาะทางในการดำเนินการ
  • อาจมีต้นทุนสูงในการจัดการของเสียและการบำบัดน้ำเสีย
  • บางกระบวนการใช้พลังงานสูง ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมาก
  • อาจเกิดการสูญเสียทองบางส่วนในระหว่างกระบวนการหากไม่ดำเนินการอย่างระมัดระวัง

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแนวทางการจัดการ

การแยกทองออกจากทองเหลืองอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและแนวทางการจัดการ มีดังนี้

1. มลพิษทางน้ำ
ผลกระทบ: น้ำเสียจากกระบวนการอาจปนเปื้อนโลหะหนักและสารเคมีอันตราย
แนวทางจัดการ:

  • ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ
  • นำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งอย่างสม่ำเสมอ

2. มลพิษทางอากาศ

ผลกระทบ: การระเหยของสารเคมีและไอกรดอาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
แนวทางจัดการ:

  • ติดตั้งระบบดูดและบำบัดอากาศ
  • ใช้เทคโนโลยีที่ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ
  • ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ปฏิบัติงานและบริเวณโดยรอบ

3. การจัดการของเสียอันตราย
ผลกระทบ: กากของเสียจากกระบวนการอาจมีสารพิษและโลหะหนัก
แนวทางจัดการ:

  • แยกประเภทของเสียและจัดเก็บอย่างเหมาะสม
  • ส่งกำจัดโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
  • พัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลของเสียให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้

4. การใช้พลังงาน
ผลกระทบ: บางกระบวนการใช้พลังงานสูง ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แนวทางจัดการ:

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต
  • ใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาด
  • ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน

ผลกระทบ: การสัมผัสสารเคมีอันตรายอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

แนวทางจัดการ:

  • จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสมและเพียงพอ
  • ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
  • จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีและเฝ้าระวังโรคจากการทำงาน

สรุป

การแยกทองออกจากทองเหลืองเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของการรีไซเคิลและการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุ มีหลายวิธีที่สามารถใช้ในการแยกทองออกจากทองเหลือง ตั้งแต่วิธีทางกายภาพอย่างง่ายไปจนถึงกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อน การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ลักษณะของวัตถุดิบ ปริมาณทองที่ต้องการสกัด และทรัพยากรที่มีอยู่

แม้ว่าการแยกทองออกจากทองเหลืองจะมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่ต้องคำนึงถึง การพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจึงเป็นแนวโน้มสำคัญในอุตสาหกรรมนี้

ในอนาคต การแยกทองออกจากทองเหลืองและโลหะอื่นๆ จะยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในบริบทของเศรษฐกิจหมุนเวียนและการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน การสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพในการสกัด ต้นทุนการดำเนินการ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ต่อไป

อ้างอิง

 

halo icon removebg preview

เรามีประสบการณ์ด้านเว็บไซต์มายาวนาน ด้วยประสบการณ์หลายสิบปี ทำให้เรารู้ว่า อะไรที่เป็นการให้ข้อมูลต่อผู้อ่าน เราจะสามารถประสบความสำเร็จในเส้นทางของชีวิตเราได้อย่างไร ผมจึงสร้าง halojepang.com ขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นแหล่งข้อมูลให้กับผู้อ่านที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ได้ฟรี

การทำงานออนไลน์และมีรายได้นั้นมีจริง ยิ่งโลกปัจจุบันแล้ว มีช่องทางมากมาย ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ ขอแค่ตั้งใจก็จะประสบความสำเร็จได้